ท่ามกลางวิกฤตการณ์โควิด ที่ทำให้เราทุกคนต้องเก็บตัวใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ออกกำลังกาย หรือกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ ล้วนต้องทำภายในบ้านทั้งสิ้น ก็อาจทำให้หลายๆ คนไม่ชิน และไม่สามารถบริหารจัดการสิ่งที่ต้องทำได้อย่างดีพอ จนอาจส่งผลให้ร่างกายและจิตใจห่อเหี่ยว ทรุดโทรมได้ ยิ่งกับใครที่เคยออกกำลังกาย และต้องออกกำลังกายเพื่อพัฒนา Performance ด้วยแล้ว ก็ยิ่งตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงทำให้เสียวินัยและทำลายศักยภาพร่างกายตัวเองให้ถดถอยลงไปเรื่อย ดังนั้น เพื่อเป็นแนวทางในการบาลานซ์ชีวิตในบ้านให้ร่างกายและจิตใจยังคงสภาพแข็งแรงดีอยู่ เราจึงมี 4 ขั้นตอนง่ายๆ มาแนะนำให้ปฏิบัติตามกัน ดังต่อไปนี้
1. เริ่มต้นทุกวัน ด้วยการคิดถึงสิ่งสำคัญที่ต้องทำที่สุด
เพื่อให้การอยู่บ้านของเราไม่เป็นไปอย่างหมดไฟ ไร้เป้าหมาย และบั่นทอนสุขภาพจิตใจและร่างกาย สิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ได้ คือ เราต้องรู้ให้ชัดว่า แต่ละวันที่ตื่นขึ้นมานั้น “เราต้องทำอะไรบ้าง” ซึ่งก็อาจแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ งาน การออกกำลังกาย และการพักผ่อน โดยเราควรโฟกัสให้ชัดเจนเลยว่า วันนี้จะทำงานอะไร จะออกกำลังกายแบบไหน และ จะพักผ่อนด้วยรูปแบบใด เพื่อให้รู้เป้าหมายในชีวิตแต่ละวัน และมีไฟในการทำแต่ละเป้าหมายให้เสร็จ โดยทำไปทีละขั้นทีละอย่าง ซึ่งในการจัดลำดับกิจกรรมในแต่ละวันนั้นก็สำคัญ เพราะหากเราเลือกเอากิจกรรมในการพักผ่อน การบันเทิงขึ้นก่อน ก็อาจทำให้เราติดลม และไม่อยากทำงาน ไม่อยากออกกำลังกายได้ ดังนั้น จึงควรจัดลำดับเอากิจกรรมในการพักผ่อนไว้สุดท้าย ให้เหมือนเป็นการตบรางวัลให้ตัวเองในทุกๆ วันนั่นเอง
2. กินให้อิ่มอร่อย แต่อย่าปล่อยจนละเลยสุขภาพ
การถูกกักตัวใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนั้น หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้ห่างไกลจากชาบู ปิ้งย่าง หรือการกินเลี้ยงสังสรรค์ได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลับกลายเป็นอาจเพิ่มโอกาสให้เรากินได้จำนวนมากมื้อขึ้น กินจุกจิกมากขึ้นก็ได้ เพราะอยู่ใกล้กับห้องครัว ตู้เย็น และของกักตุนตลอดเวลา ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องพยายามจัดระเบียบการรับประทานอาหารของตัวเองให้ดี คือ ไม่ผิดที่จะให้เราได้ทานของอร่อย แต่ก็ต้องทานของที่มีประโยชน์ และระมัดระวังการกินมากเกินไปด้วย และในส่วนของคนที่ต้องดูแลเรื่องสุขภาพ รูปร่าง การจัดมื้ออาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรวางแผน ทำเป็นตารางเอาไว้ ในแต่ละมื้ออย่างชัดเจน เพื่อให้เราไม่วอกแวก และยังคงรักษาวินัยในการกินเอาไว้ได้
3. อย่ายึดติดกับการออกกำลังกายเดิมๆ ให้โฟกัสที่การได้ออกกำลังเป็นสำคัญ
ในโจทย์เรื่องการออกกำลังกายเพื่อรักษาสภาพความฟิต และยังคงอยู่บนเส้นทางของการพัฒนาศักยภาพร่างกายนั้น เราจำเป็นจะต้องตัดความคิดท้อแท้ที่ว่า ไม่ได้ไปยิม ไม่ได้เล่นเครื่อง ไม่ได้ออกกำลังกายตามโปรแกรมเดิม แล้วจะทำให้ไม่ได้ผลทิ้งไป แล้วโฟกัสไปที่รูปแบบการออกกำลังกายอื่นๆ ที่สามารถทำได้เป็นสำคัญ โดยสามารถหาแรงบันดาลใจ หรือดูแนวทางในการออกกำลังกายที่บ้านได้อินเตอร์เน็ต หรือ EXOSATHOME.COM ก็ได้ เพราะแท้จริงแล้ว การออกกำลังกายให้ได้ผลนั้น ไม่ได้มีแค่เฉพาะการเล่นเครื่องที่ยิมเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายวิธี และหลายอุปกรณ์ฝึกซ้อม ที่ให้ประสิทธิภาพดีไม่แพ้กัน แม้จะออกกำลังกายที่บ้านก็ตาม
4. ฝึกสมาธิกำหนดลมหายใจ พร้อมพักผ่อนให้เพียงพอเป็นเวลา
การกำหนดลมหายใจเข้าออก หายใจให้ลึก ยาว เป็นจังหวะ ในแนวทางของการนั่งสมาธินั้น ถือได้ว่าช่วยทำให้จิตใจสงบ ลดความเครียด และส่งผลดีในแง่บวกได้เป็นอย่างดีในสภาวะท่ามกลางวิกฤตและการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น การหาเวลาว่างนักสมาธิ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ รวมถึงในเรื่องของการพักผ่อนนั้น ก็ถือว่าสำคัญมาก ที่หลายคนเห็นว่าไม่ต้องไปทำงาน จึงนอนดึก ตื่นสาย ใช้ชีวิตอย่างไม่ได้กำหนดเวลา จึงทำให้บางทีในหนึ่งวันนั้น ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ และยังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย นั่นเองที่ทำให้แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับการพักผ่อน ก็การกำหนดเวลาเข้านอนตื่นนอนอย่างเป็นกิจวัตร อย่านอนดึกมาก นอนหลับให้เพียงพอ และตื่นเช้าขึ้นมาทำกิจกรรมตามที่วางแผนไว้ เพื่อให้เราสามารถบานลานซ์ทุกอย่างทั้งงาน และการพักผ่อนได้อย่างลงตัวที่สุด
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนว่าจะกลับมาเป็นปกติเมื่อไร การวางแผนการใช้ชีวิตอยู่บ้าน ให้สามารถบาลานซ์ทุกอย่างได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง งาน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร เพื่อให้สุขภาพกาย สุขภาพใจแข็งแรงที่สุดนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง เพราะหาเราละเลยไปเพียงแค่นิดเดียว ก็อาจทำให้ความพยายาม และวินัยทุกอย่างที่อุตส่าห์สร้างมา อย่างการฝึกซ้อมและพัฒนาศักยภาพร่างกายของเรานั้น ถดถอยลงไปได้อย่างน่าเสียดาย ดังนั้น ค่อยๆ วางแผนให้ดีว่า กิจกรรมใดบ้าง สิ่งใดบ้าง ที่สำคัญกับเรามากที่สุด แล้วกำหนดแต่ละอย่างเป็นแผนการไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทุกๆ วันของเรานั้น มีเป้าหมาย มีแรงจูงใจ อันจะนำมาซึ่งการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีความสุข และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤต