อาการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่แม้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่บ่อยครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายก็แล้วแต่ เมื่อบาดเจ็บขึ้นมาสิ่งสำคัญที่ต้องทำอันดับแรกก็คือ หยุดซ้อมและเข้ารับการรักษาให้หายดี แต่ทั้งนี้ เมื่อทำการหยุดฝึกซ้อมไป ก็แน่นอนว่าร่างกายของเราย่อมไม่เหมือนเดิม ดังนั้น การจะกลับมาเล่นกีฬา หรือกลับมาเข้ารับโปรแกรมการฝึกซ้อมอีกครั้ง จึงจำเป็นต้องเตรียมตัวให้ดี เพื่อไม่ให้กลับมาบาดเจ็บซ้ำอีก โดยแนวทางปฏิบัติและสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการกลับมาฝึกซ้อมอีกครั้งหลังบาดเจ็บไปนานนั้น มีดังต่อไปนี้
1. พิถีพิถันระมัดระวังการฝึกซ้อมในบริเวณที่บาดเจ็บก่อน
หลังจากหายบาดเจ็บกลับมา ในช่วงแรกของการฝึกซ้อมและการเล่นกีฬานั้น เราควรเน้นไปที่การ “เสริมสร้างความยืดหยุ่น” ของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบๆ บริเวณที่บาดเจ็บก่อน เพื่อให้ร่างกายในส่วนที่บาดเจ็บฟื้นฟูสภาพอย่างค่อยเป็นค่อยไป ก่อนที่จะเข้าสู่การออกกำลังกายฝึกซ้อมแบบเต็มรูปแบบ นอกจากนั้นแล้ว ก็ควรฝึกความทนทานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและข้อต่อในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อให้สามารถแบกรับน้ำหนักในการทำกิจกรรม ให้เราสามารถเล่นกีฬาหรือฝึกซ้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่กลับมาเจ็บซ้ำบริเวณเดิมที่เคยบาดเจ็บอีก
2. อย่ามองข้ามการออกกำลังกายแบบแอโรบิก
เนื่องจากในช่วงบาดเจ็บที่เราหยุดเล่นกีฬา หยุดฝึกซ้อมไปนั้น ความอึด หรือว่าความสามารถในการทำงานของหัวใจและปอดเราจะลดลง เรียกง่ายๆ ว่าเราจะเหนื่อยง่ายกว่าเดิม คือก่อนบาดเจ็บอาจออกแรงได้มาก ออกกำลังกายได้นานไม่เหนื่อย แต่หลังบาดเจ็บเราจะเหนื่อยง่ายขึ้น เร็วขึ้น เพราะร่างกายห่างการฝึกซ้อมไปนาน ดังนั้น ในช่วงที่กลับมาฝึกซ้อมอีกครั้งหลังบาดเจ็บ จึงควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกด้วย เพื่อฟื้นคืนสภาพความทนทานในการทำงานของหัวใจและปอด ตลอดจนระบบไหลเวียนโลหิต ซี่งจะช่วยให้เราฟิตขึ้น อึดขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย และสามารถกลับไปเล่นกีฬาหรือเข้าโปรแกรมการฝึกซ้อมได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง
3. อย่ารีบร้อนฝึกซ้อมเต็มที่ในทันที
การกลับมาเล่นกีฬาหรือฝึกซ้อมอีกครั้งหลังบาดเจ็บนั้น สิ่งสำคัญที่สุดเลยคือ ต้องไม่เร่งรัด หรือออกกำลังแบบเต็มรูปแบบทันที แต่ควรใช้การออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป แล้วค่อยๆ หมั่นสังเกตอาการ ตรวจเช็คสภาพความพร้อมของร่างกายในบริเวณที่บาดเจ็บอย่างใส่ใจ จนกว่าจะแน่ใจจริงๆ แล้วว่าหายดี ร่างกายในส่วนที่บาดเจ็บสามารถรองรับการฝึกแบบหนักๆ ได้ จึงค่อยกลับมาใช้โปรแกรมการฝึกซ้อมหรือการเล่นกีฬาแบบเต็มรูปแบบอีก
นอกเหนือจากแนวทางในการฝึกซ้อมหลังบาดเจ็บที่กล่าวมา อีกสิ่งหนึ่งที่เราควรให้ความสำคัญก็คือ “สภาพจิตใจ” เพราะบ่อยครั้ง ในการเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายแล้วบาดเจ็บนั้น เรามักจะมีความกลัวว่าจะกลับไปเจ็บซ้ำอีก ทำให้ถึงแม้ร่างกายจะหายดีแล้ว แต่ฟอร์มการเล่น หรือการทุ่มเทในการใช้ร่างกายเพื่อแสดงศักยภาพออกมาแบบเต็มที่นั้น ก็ยังไม่กลับมาแบบเต็มร้อย เพราะกลัวว่าถ้าออกแรง ถ้าเต็มที่ในบริเวณที่เคยเจ็บแล้วจะเก็บอีก จุดนี้เป็นสิ่งที่ควรทำใจยอมรับให้ได้ หรือใช้วิธีการปรึกษาแพทย์ ปรึกษานักกายภาพบำบัด เพื่อรับฟังคำแนะนำ และคำวินิจฉัยที่ชัดเจนว่า เราหายจากอาการบาดเจ็บแล้วจริงๆ เพื่อฟื้นฟูความมั่นใจของเราให้กลับมาแบบเต็มที่ อันนำไปสู่การกลับมาเล่นกีฬาและฝึกซ้อมได้อย่างเต็มรูปแบบเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง