ไม่ว่าจะสำหรับนักกีฬา หรือคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย “อาการบาดเจ็บ” ถือเป็นมารผจญเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ไม่มีใครปรารถนาให้เกิด เพราะเมื่อบาดเจ็บขึ้นมา โปรแกรมการฝึกซ้อมทุกอย่างก็จะถูกทำลาย รวมไปถึงวินัยและไฟในการออกกำลังกายของเรา ก็จะถูกมอดไหม้ให้ดับลงไปทีละนิดตามกาลเวลาด้วย ดังนั้น การรักษาตัวเอง ทำกายภาพบำบัด เพื่อให้ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงเร็วที่สุด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรรอช้า ซึ่งข้อควรตระหนักสำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บก็คือ ถ้าอยากหายไว เราต้องไม่ทำกายภาพบำบัดเมื่อไปพบแพทย์ที่คลินิกเท่านั้น แต่เราควรใช้เวลาว่างที่บ้านที่เรามี ในการทำกายภาพบำบัดร่วมด้วย
Scott Peter นักกายภาพบำบัดของสถาบัน EXOS ได้กล่าวถึงความสำคัญของการทำกายภาพบำบัดที่บ้านไว้ว่า “แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยกับการมาคลินิกสัปดาห์ละครั้งแต่กลับบ้านไปแล้วไม่ได้ทำอะไรเลย” ทั้งนี้ เหตุผลก็เพราะในการรักษาอาการบาดเจ็บให้ร่างกายฟื้นฟูกลับมาหายดีนั้น “ความต่อเนื่อง” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และทำให้การรักษาครั้งต่อไปของการมาพบแพทย์มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกันนั้นก็ยังเป็นการช่วยสร้างความยืดหยุ่นและเกราะป้องกันต่อการบาดเจ็บในอนาคตได้อีกด้วย ดังนั้น สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ “การรักษาทางคลินิก” จะไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงที่คลินิกเท่านั้น แต่หมายรวมถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ที่บ้านด้วย ซึ่งแนวทางในการทำกายภาพบำบัดที่บ้าน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวหายดีเร็วขึ้นนั้น มีดังต่อไปนี้
1. วางโปรแกรมและตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
ไม่ใช่เพียงแค่การฝึกซ้อมเท่านั้นที่ต้องมีโปรแกรมและการตั้งเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม แต่สำหรับการกายภาพบำบัดเองก็เช่นกัน ที่นอกเหนือจากโปรแกรมตามนัดพบแพทย์ที่คลินิกแล้ว เพื่อให้ร่างกายของเราฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ผู้บาดเจ็บกับแพทย์ก็ต้องมีการวางโปรแกรมการฝึกกายภาพบำบัดที่บ้านให้ชัดเจนด้วย โดยหากถามว่าแล้วเราจะฝึกอะไรล่ะ คำตอบก็คือ ฝึกแบบเดียวกันกับที่ทำที่คลินิกนั่นแหละ เพื่อให้ร่างกายส่วนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงแค่สัปดาห์ละหนเท่านั้น
2. อย่าโฟกัสที่ความเจ็บปวด
หลายๆ คนไม่ประสบความสำเร็จกับการทำกายภาพบำบัดที่บ้าน เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บซ้ำอีก และกินระยะเวลาในการพักฟื้นนานไปอีก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดความกลัว แต่หากเราต้องการหายดีหายไว ก็ต้องเอาชนะความกลัวเจ็บไปให้ได้ โดยเราควรมุ่งเน้นไปที่ “ภาพผลลัพธ์ของการหายดี” ให้มากเข้าไว้ ทำให้หัวใจรู้สึกดีให้ได้มากที่สุดว่า เราจะได้อะไรตอบแทนบ้างจากการหายเจ็บกลับมาเร็ว แล้วเอาแรงจูงใจนั้น มาทำให้เรารู้สึกดีมากขึ้น ลดความกลัว ความตึงเครียดในการทำกายภาพบำบัด ให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ จนหายดีได้เร็วขึ้น
3. สื่อสารกับแพทย์ผู้ทำกายกายบำบัดอย่างเพียงพอ
การทำกายภาพบำบัดจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นมากอีกหลายเท่า เมื่อผู้รับการรักษาสื่อสารกับแพทย์อย่างเปิดเผย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการทำกายภาพบำบัดที่บ้าน ที่เราควรมีการจดบันทึก ความรู้สึก อาการ หรือสัญญาณเตือนต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อน ระหว่าง และหลังการฝึกด้วยตัวเองเอาไว้อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถบอกเล่าให้นักกายภาพบำบัดฟังได้อย่างครบถ้วน อันจะนำไปสู่แนวทางในการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้เราหายดีได้เร็วขึ้น เพราะยิ่งนักกายภาพบำบัดรู้จักเรามากเท่าไร รู้อาการของเราดีแค่ไหน ก็จะสามารถรักษา แนะนำ และปรับแต่งการกายภาพบำบัดทั้งที่คลินิกและที่บ้านได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น จนส่งผลลัพธ์ที่ดีได้มากขึ้นนั่นเอง
4. ใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีเข้าช่วยในการทำกายภาพบำบัด
กับการทำกายภาพบำบัดที่บ้านนั้น หลายคนอาจกลัวว่าจะทำผิด ทำพลาดจนกลายเป็นซ้ำเติมอาการบาดเจ็บให้หนักขึ้น ทั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ก้าวไกล ก็ช่วยทำให้เราเบาใจมากขึ้นได้ เพราะเราสามารถที่จะสื่อสารกับนักกายภาพบำบัดจากที่บ้านได้ผ่านการ VDO Call หรือจะใช้การอัดวีดีโอแนะนำ สาธิต การฝึกซ้อมเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บส่งถึงกันก็ได้ เพื่อให้การรักษาตัวเองที่บ้านเป็นไปได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ในขณะเดียวกัน การเลือกใช้อุปกรณ์ฝึกซ้อมที่มีผลในการช่วยฟื้นฟูร่างกาย และการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ อย่าง Foam Roller ลูกบอลนวด หรือแม้กระทั่ง Pro Bands – Mini Bands ที่เป็นยางเพิ่มแรงต้านทาน ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราฝึกซ้อมการใช้กำลังแบบง่ายๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทำให้หากเราเลือกใช้อุปกรณ์ฝึกซ้อมที่เหมาะสมเข้ามามีบทบาทในการกายภาพบำบัด ก็จะส่งผลให้เราหายดีได้ไวมากยิ่งขึ้น
ยิ่งปล่อยให้อาการบาดเจ็บอยู่กับเรานานเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลต่อศักยภาพร่างกาย และสภาพจิตใจของเราต่อการฝึกซ้อม การออกกำลังกาย และการแข่งมากเท่านั้น ดังนั้น เราจึงควรที่จะทุ่มเทมุ่งมั่น ทำถูกวิถีทางให้ตัวเองหายกลับมาแข็งแรงดีให้เร็วที่สุด เหมือนกับที่เราพยายามทุ่มเทมุ่งมั่นในการฝึกซ้อม ซึ่งแนวทางของการรักษาฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บที่ดีที่สุดนั้น ก็ต้องอาศัยการทุ่มเททั้งกายและใจร่วมกัน กล่าวคือ เราจะต้องมีใจที่ไม่กลัวเจ็บอีก และพยายามมีวินัยในการใช้ร่างกายทำกายภาพบำบัดทั้งที่คลินิกและที่บ้านอย่างต่อเนื่องเต็มที่ เพื่อให้อาการบาดเจ็บหายดีให้เร็วที่สุดนั่นเอง