5 สิ่งสำคัญที่คนเป็นโค้ชต้องเข้าใจ เพื่อการเติบโตก้าวไกลทั้งโค้ชและนักกีฬา

5 สิ่งสำคัญที่คนเป็นโค้ชต้องเข้าใจ เพื่อการเติบโตก้าวไกลทั้งโค้ชและนักกีฬา

ไม่ว่าจะเป็นโค้ชนักกีฬา หรือว่า เทรนเนอร์ฟิตเนส สิ่งสำคัญที่จะทำให้เส้นทางอาชีพประสบความสำเร็จได้ คือ การทำให้พัฒนาการทางด้านร่างกาย ทำให้ศักยภาพร่างกายของผู้เข้ารับการฝึกนั้นแข็งแกร่งขึ้น เติบโตขึ้นในทิศทางที่ดี และบรรลุเป้าหมาย ซึ่งการที่โค้ชจะฝึกสอนให้นักกีฬาหรือผู้เข้ารับการฝึกประสบผลสำเร็จได้นั้น มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหลายอย่างด้วยกัน แต่ 5 สิ่งสำคัญที่ Roy Holmes ผู้จัดการฝ่ายอำนวยการความสะดวกที่ EXOS ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพร่างกายนักกีฬา แนะนำจากประสบการณ์ของการเป็นผู้ฝึกสอนมากว่า 20 ปี มีดังต่อไปนี้

1. รู้จักผู้เข้ารับการฝึกและทีมงานทุกคนให้ดีที่สุด

กุญแจความสำเร็จของการเป็นโค้ชข้อแรก คือการทำความรู้จัก “ผู้คน” ให้ได้อย่างลึกซึ้งที่สุด เข้าใจบุคคลที่อยู่รายล้อมตัวเราให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับทีมงาน กับผู้เข้ารับการฝึกให้ดีที่สุด โดยที่เราต้องวางตัวอยู่บน “ความอ่อนน้อมถ่อมตน” เพราะแม้ผิวเผิน โค้ชจะดูเหมือนเป็น “ผู้ออกคำสั่ง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธรรมชาติของมนุษย์ไม่มีใคร “ชอบถูกสั่ง”

ดังนั้น คนเป็นโค้ชจึงต้องกุมหัวใจของผู้เข้ารับการฝึกให้ได้ กุมหัวใจของทีมงานทุกฝ่ายให้ได้ เพื่อให้ทุกคนสะดวกใจ อุ่นใจ ไว้ใจ ที่จะ “รับฟังคำแนะนำ” จากเรา จนนำไปสู่การฝึกซ้อม การปฏิบัติตามโปรแกรมที่พาให้เข้าใกล้เป้าหมายและบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุด และในแง่ของการ “รู้จักผู้เข้ารับการฝึก” ให้ดีที่สุดนั้น โค้ชต้องทราบจุดเด่น จุดด้อย ทราบแรงจูงใจ ทราบพื้นฐานความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายและจิตใจของผู้รับการฝึกให้ดีด้วย เพื่อให้สามารถออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อม และสร้างแรงกระตุ้นจุดไฟให้กับผู้เข้ารับการฝึกได้อย่างถูกจุด จนผลักดันให้มีโอกาสประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้มากขึ้นและไวขึ้น

2. ขอความคิดเห็นจากนักกีฬาเสมอ

ความผิดพลาดอย่างหนึ่งของการทำหน้าที่โค้ช คือการไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นของนักกีฬาหรือผู้เข้ารับการฝึกเลย จึงทำให้ไม่เรารู้เลยว่า “ข้างในจิตใจ” ของผู้เข้ารับการฝึกเป็นอย่างไร เบื่อไหม? สนุกไหม? รู้สึกว่าได้ผลไหม? มีคำถามอะไรหรือเปล่า? ฯลฯ ซึ่งเมื่อความรู้สึกสงสัยข้องใจทั้งหลายค่อยๆ สะสมมากขึ้น ก็จะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง การขาดความเชื่อมั่น การไม่เคารพเชื่อฟัง หรือการหมดไฟในการฝึกซ้อมได้

ดังนั้น ตลอดเส้นทางของการเป็นโค้ช การขอความคิดเห็นจากนักกีฬา จากผู้เข้ารับการฝึกอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้เราแน่ใจว่า นักกีฬาและผู้เข้ารับการฝึกได้รับการฝึกซ้อมที่ดี สนุกกับการฝึกซ้อม และรู้สึกว่าการฝึกนั้นได้ผล โดยโค้ชสามารถสอบถามนักกีฬาได้ง่ายๆ เพียงเอ่ยว่า “วันนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง?” หรือ “การฝึกเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง?” โอเคไหม แล้วนำคำตอบเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อหาทางพัฒนาการฝึกซ้อมต่อไป

3. ต้องยอมปล่อยให้ผู้รับการฝึกเรียนรู้จากความผิดพลาดบ้าง

หน้าที่ของโค้ชเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับพ่อแม่ ที่ต้องเป็นไกด์คอยชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องให้กับลูกๆ แต่ทั้งนี้ การพยายามทำให้นักกีฬาและผู้เข้ารับการฝึกทำทุกอย่างถูกต้องทุกครั้งเลยตั้งแต่วันแรก ครั้งแรก บางทีก็เป็นการกดดันผู้เข้ารับการฝึกจนเกินไป ในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้นักกีฬาไม่เข้าใจแบบเห็นภาพจริงๆ ว่า “การเคลื่อนไหวหรือท่าทางของเขานั้นผิดตรงไหน”

ในจุดนี้คำแนะนำหนึ่งที่ควรนำไปใช้คือการปล่อยให้นักกีฬาทำผิดพลาดไปบ้าง ให้ผู้เข้ารับการฝึกเรียนรู้จากความผิดพลาดโดยตรง เรียนรู้จากความล้มเหลวโดยตรง แล้วจึงค่อยอธิบาย “แนวทางที่ถูก” เปรียบเทียบผลลัพธ์ให้เห็นชัดเจน การทำแบบนี้จะช่วยทำให้ “นักกีฬาบางคนที่มีความมั่นใจเดิมอยู่มาก” สงบลงได้ และค่อยๆ ลืมสิ่งที่เคยจำผิดๆ มาไปได้เอง เพราะเราทำให้เขาเห็นเองว่า “สิ่งที่เขาเชื่อมาตลอดนั้น” ผิดอย่างไร

4. สภาพร่างกายที่สมบูรณ์ไม่บาดเจ็บคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง

โค้ชทุกคนอาจมุ่งโฟกัสไปที่การฝึกอย่างเข้มข้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการพัฒนาศักยภาพร่างกายแบบเต็มที่ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่ต้องคิดควบคู่กันไปด้วยคือ “ต้องไม่ทำให้ผู้เข้ารับการฝึกบาดเจ็บ” เพราะหากการฝึกทำให้นักกีฬาเกิดการบาดเจ็บแล้ว นั่นอาจเท่ากับว่าทุกสิ่งที่ทำมาจะล้มเหลวลงในทันที เนื่องจากเมื่อเจ็บจะต้องอาศัยการพักฟื้น หยุดซ้อม และมีโอกาสเป็นไปได้ว่า สภาพร่างกายอาจกลับมาเหมือนเก่าไม่ได้ง่ายๆ

ดังนั้น บทบาทสำคัญอีกข้อหนึ่งที่โค้ชทุกคนไม่ควรลืมเลยก็คือ จะต้องรับผิดชอบสภาพร่างกายของผู้รับการฝึกด้วย วางโปรแกรมในการฝึกอย่างเหมาะสม ดูแลฟื้นฟู มีการทำกายภาพบำบัด เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกซ้อมและการแข่งขันอยู่เสมอ

5. ตั้งเป้าหมายและประเมินการฝึกซ้อมอยู่เสมอ

ในทุกการฝึกซ้อม โค้ชจะต้องตั้งเป้าหมายร่วมกันกับนักกีฬา ว่าจะฝึกเพื่อให้ไปถึงจุดไหน จะให้วิ่งเร็วขึ้นเท่าไร จะให้กระโดดสูงขึ้นแค่ไหน จะให้มีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นเพียงใด ฯลฯ ซึ่งโค้ชเองก็จะต้องชี้แจง อธิบายแผนการฝึกซ้อมให้กับนักกีฬาทราบอย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการประเมินการฝึกซ้อม เพื่อวัดผลดูว่า การฝึกมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพื่อปรับปรุงพัฒนาแก้ไข ให้การฝึกซ้อมมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทำให้ผู้เข้ารับการฝึกบรรลุผลลัพธ์ได้ในที่สุด

ซึ่งด้วยหลักการของการตั้งเป้าและการประเมินนี้เอง จึงแสดงให้เห็นว่า การเป็นโค้ชที่ดีนั้น ต้องมีความยืดหยุ่น มีโปรแกรมการฝึกซ้อมหลากหลาย ปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เพื่อให้สอดรับกับสภาพร่างกายและพัฒนาการของผู้เข้ารับการฝึก

อาชีพโค้ชนั้น ไม่ได้วัดกันที่ว่าก่อนมาเป็นโค้ชเคยเป็นแชมป์มากี่สนาม เคยประสบความสำเร็จในด้านกีฬามามากน้อยแค่ไหน เพราะศาสตร์ของการเป็นโค้ช ความรู้ในการเป็นโค้ชนั้น แตกต่างออกไปกับการเป็นนักกีฬา ในการเป็นโค้ชมีอีกหลายสิ่งมากๆ ที่จะต้องเรียนรู้

ดังนั้น หากเราต้องการเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จได้ ก็ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนว่า “โค้ช” มีบทบาทอย่างไรต่อนักกีฬา ต้องเรียนรู้วิธีการทำงานแบบโค้ช อย่าเพียงแต่เอาความสำเร็จ เอาวิธีคิดของการเป็นนักกีฬามาใช้ในงานโค้ชอย่างเดียว เพราะนั่นเท่ากับว่า เราจะไม่ได้สวมบทบาทของการเป็นโค้ชเลย แต่สวมบทบาทของการเป็นเพียงแค่นักกีฬารุ่นพี่สอนนักกีฬารุ่นน้องเท่านั้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า