สำหรับเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพร่างกายตนเอง ไม่ว่าจะเป็นของนักกีฬา หรือผู้ที่มุ่งสร้างสุขภาพและรูปร่างที่ดีให้กับตัวเองนั้น “ตารางเวลาชีวิต” ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะชี้วัดได้เลยว่า จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่ หรือว่าช้าเร็วมากแค่ไหน เพราะหากเราจัดแบ่งตารางเวลากับกิจกรรมสำคัญต่างๆ ไม่สมดุลเหมาะสมพอล่ะก็ นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จในด้านการฝึกซ้อมแล้ว อาจจะยังสูญเสียบาลานซ์ในการใช้ชีวิตที่ทำให้ความสุขลดน้อยลงไปด้วยอีกต่างหาก ดังนั้นวันนี้ เราจึงจะพาไปพบกับแนวทางในการจัดตารางชีวิตกันว่า ทีเทคนิคอย่างไรให้เราได้ตารางชีวิตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
1. เริ่มต้นด้วยสิ่งที่ “ต้องทำ”
ปัญหาใหญ่ที่สุดของการจัดตารางเวลาชีวิตให้มีประสิทธิภาพก็คือ เราบรรจุกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวันมากเกินไป โดยมักจะคิดเหมาเอาเองว่า อันนั้นก็สำคัญ อันนี้ก็ขาดไม่ได้ แล้วจัดยัดทุกอย่างลงไปในตารางชีวิต ทั้งที่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้จำเป็นทุกอย่าง และไม่ได้ “สำคัญที่จะต้องนำมาทำทั้งหมดภายในวันเดียว” อย่างเช่นการฝึกซ้อม ที่จริงๆ สามารถแยกเป็นแต่ละวัน แต่ละส่วนกล้ามเนื้อได้ แต่เราก็อาจจับยัดทุกอย่างลงไปในวันเดียว
ซึ่งยังไม่รวมถึง กิจกรรมสำคัญอื่นๆ อีก โดยผลเสียก็คือ อาจทำให้การฝึกหักโหมเกินไป และทำให้ ชีวิตในส่วนอื่นๆ ไม่บาลานซ์ จนส่งผลต่อการรักษาวินัยในระยะยาวได้ ดังนั้น จุดเริ่มต้นของการวางตารางกิจกรรมในแต่ละวัน คือ การพิจารณาให้ดีว่า “อะไรคือสิ่งที่ต้องทำจริงๆ” แล้วบรรจุลงตารางไว้เลยเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างแรกสุดของแต่ละวัน เพื่อให้เราไม่พลาดทำกิจกรรมนั้น ส่วนอะไรที่สำคัญรองลง ก็จัดสรรปันส่วนให้ดี อะไรที่ไม่สำคัญก็ตัดทิ้งออกไป เพื่อไม่ให้แต่ละวันของเรานั้น วุ่นวาย ยุ่งยาก ซับซ้อน จนไม่มีประสิทธิภาพ
2. การพักผ่อนก็เป็นสิ่งสำคัญในตารางชีวิต
พอพูดถึงตารางชีวิตเพื่อเป้าหมายความสำเร็จใดสักอย่างแล้ว แต่ละคนก็จะคิดถึงแต่ว่า ต้องเป็นการฝึกซ้อม เป็นการทำงาน ล้วนๆ เพื่อให้เกิดการเดินหน้า แต่ทั้งนี้ ในความเป็นจริงนั้น “การพักผ่อน” การทำกิจกรรมเพื่อคลายเครียด และมีเวลาสงบสนุกให้ตัวเอง ก็ถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่ควรบรรจุลงในตารางชีวิตแต่ละวันเช่นกัน เพราะการหาเวลาให้ตัวเองมีเวลากับครอบครัว หรือได้พักผ่อน ได้พักฟื้นร่างกายจากการทำงาน การฝึกซ้อม ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ถือเป็นการช่วยทำให้ “ร่างกายและจิตใจ” ยังรักษาสภาพของความสมบูรณ์เอาไว้ได้ ให้เราไม่เหนื่อยเกินไป ไม่เครียดเกินไป และไม่บาดเจ็บ จนส่งผลให้ก้าวต่อไปอย่างมีวินัยสม่ำเสมอ และถึงเส้นชัยได้ในที่สุด
3. ไม่มีตารางชีวิตที่ดีที่สุด ต้องทดลองและปรับเปลี่ยนเสมอ
ชีวิตคนเราไม่ใช่เครื่องจักร ที่จะวนลูปทำตามเสต็ป 1 2 3 ไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต ดังนั้น ในการจัดตารางชีวิตสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น จึงไม่มีตารางที่ดีที่สุด แต่มีเพียงตารางที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ชีวิต ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น อย่างโปรแกรมการฝึกซ้อม ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนให้เข้มข้นขึ้น หรือเบาลง หรือเปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนจำนวนวันได้ ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เกิดผลลัพธ์ หรือในกรณีที่มีเหตุการณ์ในชีวิตเปลี่ยนไป มีการเปลี่ยนงาน เปลี่ยนเวลาทำงาน ตารางชีวิตของเราก็จำเป็นต้องปรับให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปด้วย
ดังนั้น แนวทางสำคัญของการจัดตารางเวลาชีวิต จึง “ต้องทดลอง” ดูว่า ตารางที่จัดนั้นเหมาะสมแล้วหรือไม่ เราสามารถใช้ชีวิตตามโปรแกรมที่วางไว้แล้วรู้สึกดีหรือไม่ ถ้าดีก็ทำต่อไป แต่ถ้าไม่มี ถ้ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลง เราก็ควรจัดการเปลี่ยนแปลงตารางชีวิตเราเสียใหม่ เพื่อให้เราสามารถ “ใช้เวลาตามตารางชีวิตนั้นให้ได้อย่างสบายใจที่สุด” เพราะ ตารางชีวิตที่วางไว้ จะนำพาเราไปถึงจุดหมายได้หรือไม่ หรือว่าไกลแค่ไหน ก็ล้วนขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถที่จะปฏิบัติตามตารางชีวิตที่เราวางไว้ได้ดีเพียงใดนั่นเอง
ตารางเวลาที่ดี ควรเป็นตารางกิจกรรมที่ไม่ทำให้ชีวิตรู้สึกเครียด และทำให้เราได้ “ทำในสิ่งที่ต้องทำ” เพื่อคืบหน้าไปบนเส้นทางที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งหากวันนี้เราย้อนกลับมาทบทวนมองดูตารางเวลาขอตัวเองแล้วพบว่า มันหนักเกินไป ทำให้เราเหนื่อยเกินไป และมีความรู้สึกท้อกับการใช้ชีวิตตามโปรแกรมที่ทำอยู่ล่ะก็ นั่นคือสัญญาณเตือนที่บอกเราได้ชัดเจนข้อหนึ่งเลยว่า เราควรหันกลับมาปรับเปลี่ยนตารางชีวิตตัวเองใหม่ ทบทวน “สิ่งที่ต้องทำใหม่” เพื่อให้ในแต่ละวันของเรา ได้ทำในสิ่งที่ควรทำจริงๆ และทำให้ชีวิตในแต่ละวันของเรา มีความสุขได้ไปพร้อมๆ กับการก้าวหน้าไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้เรื่อยๆ
