“IF” หรือ “Intermittent Fasting” หรือที่เรามักเรียกกันสั้น ๆ ว่า “การทำฟาสติ้ง” หรือ “ทำไอเอฟ” นั้น ถือได้ว่ากำลังเป็นเทรนด์ฮิตติดลมบนกันอยู่เลยในยุคปัจจุบัน โดยเป็นการอดอาหารบางช่วงเวลา เพื่อให้สามารถลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก และสร้างรูปร่างได้ตามที่ต้องการ
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ยังคงมีหลายคนถกเถียงกันอยู่เนือง ๆ ว่าการทำ IF นั้นดีจริงไหม? เป็นอันตรายหรือเปล่า? ดังนั้น วันนี้ เราเลยมีความจริงดี ๆ ทางการแพทย์มาฝากกันเพื่อเป็นเครื่องยืนยันครับว่า การอดอาหารแบบ “Intermittent Fasting” นั้นดีจริง ซึ่งไม่ได้ดีแค่ทำให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อหัวใจและสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
เหตุผลอะไร ที่ทำให้ทำ Fasting ส่งผลดีต่อร่างกาย?
ในทางการแพทย์ได้มีการทำวิจัยศึกษาค้นคว้ามานานแล้วเกี่ยวกับ “การอดอาหาร” ที่มีผลต่อสุขภาพร่างกาย โดยเริ่มต้นจากการศึกษาในสัตว์ทดลอง ก่อนจะมาศึกษาวิจัยต่อในมนุษย์ ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ในทำนองเดียวกันว่า การที่ใน 1 วัน เราให้ร่างกายได้รับประทานอาหาร 6-8 ชั่วโมง และอดอาหารเป็นเวลา 16-18 ชั่วโมงนั้น จะทำให้เรามีอายุที่ยืนยาวขึ้นได้ และแข็งแรงมากขึ้นได้
โดยเหตุผลเป็นเพราะ เมื่อเราอดอาหารเป็นเวลา 10 ชั่วโมงขึ้นไป ร่างกายจะอยู่ในภาวะขาดน้ำตาล และทำให้ไปใช้พลังงานในส่วนที่สะสมอยู่แทน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกเก็บเอาไว้ในรูปของไขมัน โดยการที่ร่างกายไปดึงเอาไขมันมาใช้แทนนี้เองนั้น ก็จะทำให้เกิด “คีโตน” ขึ้น ซึ่งให้พลังงานที่ดีกว่า “กลูโคส” มีผลทำให้ร่างกายสงวนพลังานได้ดี ช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ เกิดการต้านทานอนุมูลอิสระได้ดี กระตุ้นให้ร่างกายมีการทำลายเซลล์ที่ไม่ดีออกไปได้มากขึ้น อีกทั้งคีโตนยังช่วยทำให้สมองรู้สึกอิ่มเร็ว ไม่หิวง่ายอีกด้วย
กล่าวคือ เมื่อเราอดอาหารอย่างเป็นเวลาแล้วนั้น จะทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดการใช้พลังงานจากไขมัน ที่ช่วยทำให้ร่างกายมีความทนทานมากขึ้น เหมือนเป็นการฝึกให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายทนต่อความเครียด และการเจ็บป่วยได้ดีขึ้น นั่นเองจึงเป็นที่มาของการเริ่มต้น “ใช้การอดอาหารในผู้ป่วยโรคอ้วน” ซึ่งผลปรากฏก็พบว่า ทำให้น้ำหนักตัวลดลง ภาวะเบาหวานดีขึ้น โรคหัวใจดีขึ้น ความดันดีขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นกว่าปกติในทุก ๆ ด้าน
ดีต่อ “หัวใจ” อย่างไร เมื่ออดอาหารด้วยวิธี IF?
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการอดอาหารด้วยวิธีของ “Intermittent Fasting” นั้น มีผลทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ทั้งนี้ หากจำเพาะเจาะลงไปที่ “หัวใจ” แล้วก็ถือว่า เป็นแนวทางในการดูแลและป้องกันตัวเองจากภัยร้ายของโรคหัวใจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เหตุผลก็เพราะการทำ IF นั้น ส่งผลต่อต่อหัวใจ ดังต่อไปนี้
- ช่วยทำให้ Heart Rate Verbality ดีขึ้น ซึ่งเมื่อระบบประสาทอัตโนมัติดี ก็จะช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจได้ดี ส่งผลทำให้หัวใจทนต่อการขาดเลือด และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ดีขึ้น
- เมื่อการอดอาหารทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่ง มีความอดทนมากขึ้น จึงส่งผลทำให้หัวใจทำงานเบาลง โอกาสในการเกิดหัวใจล้มเหลวจึงลดน้อยลงตามไปด้วย
กล่าวโดยสรุปก็คือ การทำ “Intermittent Fasting” เหมือนเป็นการไปป้องกัน “สาเหตุ” ของการเกิดโรคหัวใจต่าง ๆ รวมถึงยังช่วยปรับสภาพร่างกายให้มีความสมดุลมากขึ้น มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ไขมันในเลือดต่ำลง ความดันโลหิตดีขึ้น ซึ่งทุกปัจจัยนั้นล้วนส่งผลดีต่อหัวใจ ทำให้สุขภาพหัวใจเราแข็งแรงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
[irp posts=”1116″ name=”5 สัญญาณเตือนภัย ที่บอกว่าคุณออกกำลังหนักเกินไป”]
ทำ IF อย่างไร ถึงจะปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด?
“การอดอาหาร” จะมีประโยชน์ต่อร่างกายจริง ๆ ก็ต่อเมื่อเราทำอย่างถูกวิธีเท่านั้นน ทั้งนี้การอดอาหารในแบบของ “Intermittent Fasting” นั้น ก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมกันมากที่สุด จะแบ่งออกเป็น 3 สูตร 3 แบบ ให้เลือกปรับใช้ได้ตาม Lifestyle และความสามารถของแต่ละบุคคล ดังต่อไปนี้
1.แบบ Ultimate Fasting
เป็นสูตรที่เรียกว่า “อดมื้อ กินมื้อ” ใช้การอดแบบสลับวัน โดยวันนี้ทานอาหารตามปกติ วันรุ่งขึ้นทานอาหารตามช่วงเวลา 6-8 ชั่วโมง อดอาหาร 10-16 ชั่วโมง และวันถัดไปก็ทานตามปกติ สลับกันไปเรื่อย ๆ
2.แบบทำทุกวันสม่ำเสมอ
เป็นสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และจากผลการวิจัยก็ถือเป็นสูตรที่ได้ผลการทดสอบที่ดี คือ ทานอาหาร 6-8 ชั่วโมง และอดอาหาร 10-16 ชั่วโมง ทุก ๆ วัน ซึ่งจะยากกว่าสูตรแรก ดังนั้น หากยังไม่สามารถทำสูตรที่ 2 นี้ได้ไหว ก็ให้ย้อนกลับไปฝึกแบบสูตรแรกก่อน
3.แบบ 5:2
เป็นสูตรที่เน้นการเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่น้อย แต่ไม่ได้ทำทุกวัน เพราะร่างกายอาจอ่อนเพลียเกินไป ซึ่งที่นิยมกันมากที่สุดเลยคือ ทานอาหารแคลอรี่ปกติ 5 วัน และอีก 2 วันทานอาหารแคลอรี่น้อย ๆ ซึ่งควรทานอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 แคลอรี่ ซึ่งวิธีนี้ถือว่ามีความยากและซับซ้อน ที่ต้องคำนวณการนับแคลอรี่ให้ดี แต่ถ้าทำได้ และทำติดต่อกันไปยิ่งต่อเนื่องนานเท่าไร ก็ยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
การอดอาหารนั้น ไม่ได้เป็นการทำร้ายร่างกาย หากทำอย่างถูกต้อง ถูกวิธี แต่กลับกันเลยที่เป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น เพราะเหมือนเป็นการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ให้ไม่ตามใจปากจนเกินไป ซึ่งปัจจุบันเป็นสาเหตุของการทำให้คนป่วยเป็นโรคต่าง ๆ มากมาย
แต่อย่างไรก็ตาม การอดอาหารด้วยวิธี “Intermittent Fasting” นั้นก็ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ง่าย ๆ เพราะต้องอาศัยความอดทน และความมีวินัยอย่างสูงถึงจะประสบความสำเร็จ
ดังนั้น หากต้องการที่จะทำการอดอาหารเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองให้ได้ผลจริง ๆ ล่ะก็ จึงจำเป็นต้องศึกษาให้ดี ให้เข้าใจอย่างถูกวิธี และตั้งใจทำอย่างเต็มที่ รวมถึงอาจขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยก็ได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่มีอาการป่วยอยู่แล้ว ควรที่จะให้แพทย์แนะนำจึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด