พรีไบโอติก เป็นส่วนผสมที่มักถูกเติมลงใน “อาหารเพื่อสุขภาพ” เชื่อกันว่าส่วนผสมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในลำไส้ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสุขภาพทางเดินอาหารและอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอื่น ๆ
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
มีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า พรีไบโอติก อาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมถึงการดูดซึมแคลเซียมที่ดีขึ้น, การลดความเสี่ยงในการแพ้, กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น และผลในเชิงบวกอื่น ๆ ต่อการเผาผลาญ รวมทั้งประสิทธิภาพของอาหารเสริมพรีไบโอติกที่มีต่อระบบทางเดินอาหาร นักวิจัยพบว่าพรีไบโอติกอาจให้ประโยชน์ในการรักษา แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีการวิจัยในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
พรีไบโอติกและโปรไบโอติกส่วนใหญ่สามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีผลข้างเคียง แต่ในบางกรณี อาจก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายท้อง, ท้องอืด และก๊าซอาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่ระบบย่อยอาหารของคุณปรับตัว อย่างไรก็ตาม หากคุณมีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารอื่น ๆ ควรพูดคุยกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเพื่อรับคำแนะนำส่วนบุคคลสำหรับการทานพรีไบโอติก
ปริมาณที่แนะนำให้บริโภค
ส่วนใหญ่สามารถรับประทานพรีไบโอติกเพื่อให้ได้รับปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสม โดยปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่คือ 25-38 กรัมต่อวัน อาหารเสริมพรีไบโอติกหลายชนิดให้ปริมาณประมาณ 4-5 กรัมต่อวัน หากคุณสนใจทานอาหารเสริมพรีไบโอติก ให้เริ่มอย่างช้า ๆ (วันละครั้ง) จนกว่าจะเห็นว่าร่างกายของคุณตอบสนองต่ออาหารเสริมนั้นอย่างไร หากมีแก๊สหรือท้องอืด ให้ลดขนาดยาลงครึ่งหนึ่ง
ศูนย์มะเร็ง Memorial Sloan Kettering แนะนำให้ทานพรีไบโอติกพร้อมกับโปรไบโอติกเพื่อผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโปรไบโอติกมีอายุสั้น ดังนั้นพรีไบโอติกส์จึงมักถูกเติมลงในโปรไบโอติกเพื่อรักษาระดับในลำไส้ การผสมผสานระหว่างโปรไบโอติกและพรีไบโอติกนี้เรียกว่า “Synbiotic Therapy” หรือ “Synbiotics”
พรีไบโอติกพบได้จากไหน
พรีไบโอติกสามารถพบได้ในอาหารหรือในรูปแบบอาหารเสริม เนื่องจากพรีไบโอติกเป็นเส้นใยที่ย่อยไม่ได้ (คาร์โบไฮเดรต) จึงพบได้ในอาหารจากพืชหลายชนิดที่ให้คุณค่าทางโภชนาการที่ดี ดังนั้นเมื่อคุณเพิ่มการบริโภคอาหารพรีไบโอติก คุณจะได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพจากสารอาหารอื่น ๆ ที่อาหารเหล่านั้นให้มาด้วย สามารถพบพรีไบโอติกได้จาก
- หน่อไม้ฝรั่ง
- รากชิโครี่
- เม็ดยี่หร่า
- กระเทียม
- แก่นตะวัน
- พืชตระกูลถั่ว (ถั่วฝักยาว, ถั่วชิกพี, ถั่วเลนทิล, ถั่วเหลือง)
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์และพิสตาชิโอ
- หอมหัวใหญ่, หอมแดง, ต้นหอม
- ผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลี เช่น ซีเรียล
หากคุณมองหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพรีไบโอติก คุณอาจเห็นคำบางคำบนฉลากที่ระบุพรีไบโอติกที่ผลิตภัณฑ์นำเสนอ ได้แก่
- Fructans (อินนูลินและฟรุกโตลิโกแซ็กคาไรด์)
- Galacto-oligosaccharides (GOS)
- Oligofructose เป็นพรีไบโอติกที่รู้จักกันดีที่สุด
- แป้งทนต่อการย่อย (Resistant Starch)
หากคุณเลือกซื้ออาหารเสริม สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) แนะนำให้มองหาฉลากข้อมูลเสริมบนผลิตภัณฑ์ที่คุณซื้อ ฉลากนี้จะมีข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงปริมาณเส้นใยต่อหนึ่งหน่วยบริโภค และส่วนผสมอื่น ๆ เช่น สารตัวเติม, สารยึดเกาะ และสารปรุงแต่งรส
รวมทั้งตรวจสอบตรารับรองจากองค์กรที่ให้บริการทดสอบคุณภาพ ได้แก่ U.S. Pharmacopeia, ConsumerLab.com และ NSF International ซึ่งไม่ได้รับประกันความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ แต่ให้การรับรองว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการผลิตอย่างถูกต้อง, มีส่วนผสมที่ระบุไว้บนฉลาก และไม่มีสารปนเปื้อนในระดับที่เป็นอันตราย
Resource : https://www.verywellhealth.com