ปัจจุบัน “บุหรี่ไฟฟ้า” ถือว่าได้รับความนิยมขึ้นกว่าในอดีตมาก ซึ่งแต่แรกเริ่มเดิมที บุหรี่ไฟฟ้าได้รับการโฆษณาสรรพคุณว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น และเป็นบุหรี่ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มาจนวันนี้ “บุหรี่ไฟฟ้า” ได้กลายเป็นเหมือนกับทางเลือกแรกสำหรับ “วัยรุ่น” มากขึ้นในฐานะ “แฟชั่นใหม่” ภายใต้แนวความคิดที่ว่า “เท่ห์ สูบได้ และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้านั้น แท้จริงแล้วสามารถช่วยให้เราเลิกบุหรี่ธรรมดาได้จริงหรือไม่? บุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายจริงหรือไม่? และจริง ๆ แล้วบุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง ๆ ใช่ไหม?
นายแพทย์ วินัย โบเวจา อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลพญาไท 3 ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ามาฝากเพื่อให้ผู้ที่ต้องการจะเลิกสูบบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ที่กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ หรือกำลังจะเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้า ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นว่าจะเลือกทางเดินอย่างไรต่อไปให้กับชีวิต
บุหรี่ไฟฟ้า ช่วยเลิกบุหรี่ได้อย่างที่โฆษณาจริงหรือไม่?
ปัจจุบันข้อมูลวิจัยทางการแพทย์ ยังไม่มีงานวิจัยชุดใดที่บอกได้อย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำให้คนเลิกบุหรี่ได้จริง เช่นกันกับในแง่ของความปลอดภัยที่ก็ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ทั้งนี้มีตัวอย่างงานวิจัยชิ้นหนึ่งในประเทศอังกฤษที่น่าสนใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของบุหรี่ไฟฟ้า โดยได้มีการทำการทดลองเก็บข้อมูลโดยการนำเอาผู้ป่วยที่ต้องการเลิกบุหรี่จำนวน 890 ราย มาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
ซึ่งให้กลุ่มแรกนั้นทำการเลิกบุหรี่ด้วยการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนอีกกลุ่มให้ทำการเลิกบุหรี่ด้วยการรับยาเลิกบุหรี่ โดยทั้ง 2 กลุ่มเข้ารับการทดลองต่อเนื่อง 3 เดือน ควบคู่กันไปกับการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการปรับพฤติกรรมเพื่อเลิกบุหรี่ จนกระทั่งครบ 1 ปี
ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเลิกบุหรี่ได้ 18% ส่วนในกลุ่มที่ใช้ยาสามารถเลิกบุหรี่ได้ 9.9% ซึ่งจากตัวเลขนี้อาจทำให้เราเห็นว่า บุหรี่ไฟฟ้านั้นช่วยเลิกบุหรี่ได้ดีกว่า แต่ทว่าการติดตามผลวิจัยนี้ต่อมาพบว่า ใน 18% ของกลุ่มที่เลิกบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้า มี 80% กลับไปเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ส่วนในกลุ่มที่เลิกบุหรี่ด้วยยาพบว่า 90% เลิกบุหรี่ขาดได้เลยและไม่ต้องใช้ยาเลิกบุหรี่อีกด้วย
ดังนั้นจากผลวิจัยนี้จึงอาจสรุปได้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอาจช่วยเลิกบุหรี่ได้จริง แต่กลายเป็นว่าเราจะหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ซึ่งคำถามต่อมาคือ แล้วบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายจริงหรือไม่? เพราะถ้าอันตรายการหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้า ก็อันตรายเช่นกัน
ปลอดภัยจริงหรือไม่ สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเสี่ยงภัยอะไรหรือเปล่า?
หากเทียบกันตรง ๆ แล้ว บุหรี่ไฟฟ้านั้นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง เพราะบุหรี่ธรรมดานอกจากนิโคตินที่ทำให้ติดแล้ว ยังมีสารอื่น ๆ อยู่อีกมากถึง 7,357 ชนิด ซึ่งจากสารทั้งหมดนั้นมีอยู่อย่างน้อย 70 ชนิดที่เป็นสาเหตุสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้แน่นอน แต่สำหรับในบุหรี่ไฟฟ้าก็ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายเลยเพราะก็ประกอบด้วยสารระเหยอื่น ๆ เช่นกัน แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลวิจัยออกมาที่แน่ชัดเหมือนกับบุหรี่ธรรมดาว่าสารใดเป็นอันตรายแค่ไหนอย่างไร แต่ทั้งนี้ “ควันก็คือควัน” การสูบบุหรี่ไฟฟ้าคือการสูดควันเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งไม่ว่าจะมาจากสารใดก็ตาม ควันคือสิ่งแปลกปลอม สิ่งผิดปกติ
ดังนั้นเมื่อสูบเข้าไปในร่างกาย ย่อมอนุมานได้ว่าไม่ดีแน่ ๆ ยิ่งถ้าสูบเข้าไปในปริมาณมาก ๆ นาน ๆ ก็จะยิ่งมีโอกาสเกิดอันตรายได้ หรือบางคนแม้จะสูบน้อย แต่ก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับระบบร่างกายของแต่ละคนในการตอบสนองต่อสารนั้น ๆ เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ เหมือนกับคนที่ดื่มเหล้าแก้วเดียวแล้วเมา กับบางคนดื่มเหล้าเป็นสิบ ๆ แก้วยังไม่เมา นั่นทำให้เห็นว่า สูบมากสูบน้อยก็เป็นอันตรายได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน
หรือในกรณีที่หลายคนแย้งว่าในบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีนิโคตินน้อยกว่า ไม่เป็นอันตรายเท่ากับบุหรี่ ประเด็นนี้ก็ไม่ถือว่าผิด แต่ถึงแม้บุหรี่ไฟฟ้าจะมีนิโคตินน้อยกว่า แต่ถ้าสูบบ่อยกว่า รวมถึงเทคนิคการสูบที่หากสูบแบบอัด ก็ทำให้ได้รับปริมาณนิโคตินที่มากเท่ากับสูบบุหรี่ธรรมดาได้เช่นกัน ซึ่งนิโคตินคือสารให้ความสุขที่ทำให้เรา “เสพติด” สูบแล้วโล่ง สูบแล้วหายเครียด ทำให้เมื่อเราขาดหรือไม่สูบ จะเกิดอาการกระวนกระวาย และนำไปสู่การเสพติดที่สุดท้ายก็นำมาซึ่งโอกาสอันตรายได้ในอนาคต เพราะอย่างไรเสียนิโคตินก็เป็นสิ่งแปลกปลอมอยู่ดี
ถ้าไม่ดีจริงอย่างโฆษณา ทำไมคนถึงสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันเยอะขึ้น?
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนหันมานิยมบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นก็เพราะ “โฆษณา” ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของบุหรี่ไฟฟ้านั้นดูน่าดึงดูด คือ นอกจากความเท่ห์ ที่เป็นแฟชั่นแล้ว การใช้ข้อมูลด้านเดียวอย่างเช่นเรื่องไม่มีสารก่อมะเร็ง ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือมีน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา และยังไม่ได้รับการวิจัยที่ครบถ้วน มาเป็นตัวนำเสนอ จึงทำให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
และเมื่อรวมกับการที่ผู้ผลิตสร้างให้บุหรี่ไฟฟ้ามีลูกเล่นที่เยอะกว่าอย่างเรื่องกลิ่นที่มีให้เลือกหลากหลายร้อยกลิ่น จึงยิ่งทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น และปัจจัยสุดท้ายเลยที่ทำให้ผู้คนติดบุหรี่ไฟฟ้ากันมากขึ้นก็เพราะ “นิโคติน” ที่อยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนกันกับบุหรี่ธรรมดา ที่เป็นสารเสพติด จึงทำให้เมื่อสูบไปแล้ว สูบบ่อยเข้า ก็กลายเป็นติดในที่สุด
สรุปแล้วบุหรี่ไฟฟ้าดีจริงไหม? แล้วทางไหนดีที่สุดถ้าอยากเลิกบุหรี่?
บุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง ในแง่ของความอันตราย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ทั้งนี้สำหรับผู้ที่อยากเลิกบุหรี่ให้ได้ การเลือกสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ทางแก้ไข เพราะจากงานวิจัยตัวอย่างก็จะพบว่า จะทำให้เราหันไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน
ดังนั้น ถ้าหากถามว่าหนทางใดดีที่สุดสำหรับการเลิกบุหรี่ คำตอบคือ หยุดทั้งคู่ คือต้องหยุดทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า แล้วเข้ารับการรักษากับแพทย์โดยตรง คือทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราหยุดจากวงจรของการเสพติดและนำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายที่สุดท้ายแล้วในอนาคตก็อาจมีอันตรายต่อชีวิตได้
“นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสารที่ให้ความสุขเรา
แล้วก็พ่วงโซ่ผูกตัวเราไปด้วย เมื่อไรก็ตามที่เราปล่อย
ก็จะเกิดอาการอยาก กระวนกระวาย ถึงได้เรียกว่าสารเสพติด
และพอเราติดเราก็จะเลิกไม่ได้ เราจะสูบเอาควัน
เอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายไปเรื่อย ๆ”
นายแพทย์ วินัย โบเวจา
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ
โรงพยาบาลพญาไท 3