เจาะหูเพื่อความปัง ระวังพังเพราะคีลอยด์

เจาะหูเพื่อความปัง ระวังพังเพราะคีลอยด์

ปัจจุบันการดูแลเสริมแต่งภาพลักษณ์ให้ดูสวยงามโดดเด่นและเสริมความมั่นใจในตัวเองนั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็ใส่ใจและให้ความสำคัญเสมอ โดย “การเจาะหู” เพื่อใส่จิล หรือตั่งหูนั้น ก็นับเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

แต่ทั้งนี้ ทราบหรือไม่ว่า การเจาะหู คือหนึ่งในกระบวนการที่สร้างบาดแผลให้กับใบหู ที่หากดูแลไม่ดีล่ะก็ อาจนำไปสู่การเป็น โรคคีลอยด์ใบหู ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ใบหูดูไม่สวยงามเท่านั้น แต่อาจร้ายแรงถึงขั้นทำให้ใบหูผิดรูปร่างไปได้เลยทีเดียวด้วย ดังนั้น เพื่อให้การเจาะหูของทุกคนเป็นไปอย่างเรียบร้อยสวยงามมากขึ้น การทำความรู้สึกกับโรค คีลอยด์ ใบหูไว้ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

คีลอยด์คืออะไร ทำไมถึงเกิดได้ที่ใบหู?

คีลอยด์ คือ แผลเป็นชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะนูนและสามารถขยายใหญ่ได้ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของแผลนูน ทั้งนี้ คีลอยด์จะแตกต่างจากแผลเป็นปกติ ตรงที่ลักษณะแผลเป็นจะนูนมากกว่า และขยายใหญ่ขึ้นได้เกินกว่าขอบเขตของแผลเริ่มต้น เช่น แผลมีดบาดขนาด 1 ซม. หากเป็นแผลเป็นธรรมดา จะเกิดแผลนูนที่บริเวณนั้นเพียงแค่ 1 ซม. เท่านั้น

แต่หากเป็นคีลอยด์ แผลเป็นจะนูนใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเกินกว่า 1 ซม. ซึ่งยิ่งปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ก็จะยิ่งขยายตัวใหญ่ขึ้น โดยทั่วไปคีลอยด์สามารถเกิดได้ในทุกที่ในร่างกายที่มีบาดแผล แต่ส่วนใหญ่จะพบมากในบริเวณหน้าอก ไหล่ หลังด้านบน ตลอดจนใบหู และบริเวณอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ เช่น ข้อพับต่าง ๆ

กลุ่มคนต่อไปนี้พึงระวัง เสี่ยงใบหูพังเพราะคีลอยด์?

คีลอยด์เป็นภาวะความผิดปกติของแผลเป็นที่ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย มีโอกาสเป็นได้เหมือนกันหมด แต่จะพบได้บ่อยในคนที่มีผิวคล้ำ ผิวสี หรือเป็นชาวแอฟริกัน ซึ่งจะมีความเสี่ยงเป็นคีลอยด์มากกว่าคนผิวขาวถึง 5 เท่า ทั้งนี้คีลอยด์ยังมักพบเจอในวัยรุ่นมากกว่าผู้ใหญ่หรือวัยชราอีกด้วย

เนื่องจากร่างกายของวัยรุ่นกำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต ทำให้หากไปเจาะหู ระเบิดหู หรือทำให้ร่างกายมีบาดแผล แล้วดูแลไม่ดี ก็อาจส่งผลทำให้เสี่ยงต่อการเป็นคีลอยด์ใบหู และคีลอยด์ตามแผลเป็นต่าง ๆ ได้ง่าย นอกจากนั้นแล้วสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ก็ควรระมัดระวังการเกิดแผลเป็นด้วย เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ แถมยังเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วย

อันตรายแค่ไหน เมื่อเป็นคีลอยด์ใบหู?

ไม่ว่าจะเป็นคีลอยด์ใบหู หรือคีลอยด์ในบริเวณอื่นบนร่างกาย ความร้ายแรงส่วนใหญ่จะเป็นผลกระทบในแง่ของภาพลักษณ์ความสวยงามเป็นสำคัญ โดยร้ายแรงที่สุดสำหรับคีลอยด์ใบหู ก็คือหากปล่อยไว้นาน อาจทำให้ใบหูผิดรูปได้

ทั้งนี้ คีลอยด์สามารถขยายใหญ่ขึ้นได้เรื่อย ๆ แบบไม่มีขอบเขต และทำให้ผู้ป่วยมีอาการคัน ซึ่งหากเกาจนเป็นแผล ก็อาจเกิดการติดเชื้อและเป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ตามสำหรับคีลอยด์ใบหูนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการได้ยิน กล่าวคือคนไข้ยังคงความสามารถในการได้ยินได้เป็นปกติ

วินิจฉัยอย่างไร ถึงแน่ใจว่าเป็นคีลอยด์ใบหู?

โดยปกติแล้วคีลอยด์ใบหูนั้น จะสามารถพิจารณาด้วยตาเปล่าก็ทราบได้เลย ทั้งนี้ คีลอยด์ไม่ใช่เนื้องอก แต่จะคลำจับแล้วพบว่ามีความนิ่มหยุ่นเหมือนยางลบ ผิวบริเวณแผลนูนจะเรียบ แต่ถ้าหากเป็นมะเร็งใบหู แผลจะมีความเจ็บปวด และมีการเติบโตของก้อนเนื้อที่เร็วกว่าคีลอยด์ โดยคีลอยด์จะค่อย ๆ โตขยายใหญ่ขึ้นหลังจากเกิดบาดแผลในช่วง 1-3 เดือน

แต่หากเป็นมะเร็งใบหูก้อนเนื้อจะโตเร็วภายใน 1 สัปดาห์อย่างเห็นได้ชัด และมีแผลแตกออกเองโดยไม่ต้องเกา ไม่มีอาการคัน แต่จะมีความเจ็บปวด และข้อสุดท้ายที่มะเร็งใบหูต่างจากคีลอยด์ใบหูก็คือ มักพบในผู้สูงอายุ ซึ่งต่างจากคีลอยด์ที่มักพบได้มากในวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่

รักษาอย่างไร เมื่อเป็นคีลอยด์ใบหู?

แนวทางในการรักษาโรคคีลอยด์ใบหูนั้น จะพิจารณาตามขนาดของคีลอยด์เป็นสำคัญ โดยแบ่งวิธีการรักษาได้ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1.คีลอยด์มีขนาดเล็กกว่า 1 ซม.

จะใช้การรักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์ เพื่อทำให้คีลอยด์ยุบตัวลง ซึ่งแพทย์จะทำการนัดมาตรวจเพื่อฉีดยารักษาทุกเดือน จนกว่าแผลจะยุบ ทั้งนี้ วิธีการฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อรักษาคีลอยด์ใบหูนั้น จะใช้วิธีการฉีดแบบ Intralesional ซึ่งหมายถึง การฉีดยาเข้าไปที่ตัวก้อนคีลอยด์เลยโดยตรง ไม่ได้ฉีดเข้าเส้นเลือด

2.คีลอยด์มีขนาดใหญ่กว่า 1 ซม.

จะรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับการใช้ยาสเตียรอยด์ ทั้งนี้ แพทย์จะไม่แนะนำให้ใช้การผ่าตัดรักษาอย่างเดียว เพราะจะทำให้มีโอกาสเป็นซ้ำได้สูง เนื่องจากการผ่าตัดก็คือหนึ่งในการสร้างบาดแผลใหม่ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดคีลอยด์ได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องฉีดยาสเตียรอยด์ร่วมด้วยเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแผล โดยส่วนมากจะฉีดหลังจากผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ สำหรับการผ่าตัด จะเป็นการผ่าแบบยกผิวหนังใบหูขึ้นเพื่อคงรูปใบหูไว้ แล้วตัดเอาเฉพาะก้อนคีลอยด์ออกไป ก่อนจะเย็บปิดแผลให้สนิท แล้วจึงค่อยฉีดสเตียรอยด์ในวันที่ตัดไหม

หรือในบางรายที่คนไข้มีความเสี่ยงเป็นคีลอยด์ซ้ำมากกว่าคนทั่วไป แพทย์จะใช้การผ่าตัดร่วมกับการฉายแสง เพราะการฉายแสงจะมีลักษณะคล้ายกับการใช้ยาทาเคมีบำบัด คือมีส่วนในการช่วยยับยั้งการสร้างตัวของเซลล์ ทำให้มีโอกาสเกิดคีลอยด์ซ้ำได้น้อยกว่า รวมถึงแพทย์อาจมีการใช้ยา “ไมโตไมซิน” ร่วมด้วยก็ได้ เพื่อป้องกันการเป็นซ้ำอีก แต่ก็จะพิจารณาให้ใช้เป็นราย ๆ ไป

ป้องกันตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลจากคีลอยด์ใบหู?

แนวทางในการป้องกันการเกิดคีลอยด์ใบหูนั้น หลัก ๆ คือพยายามหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดแผลบริเวณใบหู หรือในคนที่มีความเสี่ยงเป็นคีลอยด์มากกว่าคนทั่วไปนั้น ทางที่ดีก็ควรหลีกเลี่ยงการเจาะหูไปเลยก็ได้ ทั้งนี้ เราจะสามารถทราบว่าตัวเองมีโอกาสเป็นคีลอยด์ได้หรือไม่นั้น จากการสังเกต “รอยการฉีดวัคซีนที่บริเวณหัวไหล่” โดยหากพบว่ามีแผลนูน ก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นคีลอยด์ได้ง่าย

หรืออีกทางหนึ่งคือให้สังเกตจากรอยแผลบริเวณหน้าอก หรือสิวบริเวณหน้าอก ที่หากพบว่ามีกลายเปลี่ยนเป็นแผลนูนมากขึ้น ก็แสดงว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นคีลอยด์ได้ง่าย ซึ่งหากพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นคีลอยด์ ก็จะต้องระมัดระวังการผ่าตัด การเจาะหู ตลอดจนดูแลบาดแผลตัวเองให้ดี ทำความสะอาดอย่างดี และไม่ควรแกะเกาจนแผลลุกลามติดเชื้อ

แม้คีลอยด์ใบหูจะถือว่าเป็นโรคที่ไม่ได้มีความอันตรายรุนแรงถึงชีวิต แต่ก็นับว่าเป็นโรคที่ทำร้ายและทำลายความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งหากปล่อยทิ้งไว้ ก็จะยิ่งมีโอกาสเกิดการติดเชื้อจากการเกาจนเป็นอันตรายได้อีก ดังนั้น หากพบอาการผิดปกติว่าบาดแผลจากใบหู หรือบาดแผลตามร่างกายมีลักษณะของการเป็นแผลเป็นที่นูนขยายใหญ่กว่าแผลเริ่มต้น ก็อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเติมเต็มความมั่นใจ และความปลอดภัยให้กับตัวเราเองให้ได้มากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า