โดยปกติแล้วสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบนั้น เราจะไม่สามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่า “ความตีบ” นั้น มากหรือน้อยเพียงใด และจะเป็นประโยชน์จริง ๆ หรือไม่ที่จะแก้ไข เพราะหากเส้นเลือดตีบมาก แน่นอนว่าการทำการแก้ไขก็ย่อมได้ประโยชน์
แต่ถ้าเส้นเลือดตีบน้อย อาจกลายเป็นไปได้ว่า การรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการใส่ขดลวดหัวใจนั้น อาจเป็นการทำให้คนไข้เสี่ยงมากกว่า เป็นการได้ที่ไม่คุ้มเสีย ทั้งนี้ ปัจจุบันเราสามารถหาคำตอบที่แน่ชัดได้ว่า ควรจะทำการรักษาด้วยการใส่ขดลวดหัวใจหรือไม่ ได้ด้วยหัตถการที่มีชื่อว่า “FFR”
FFR คืออะไร ทำไมผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจถึงควรรู้จัก?
FFRหรือ “Fractional Flow Reserve” คือ หัตถการทางการแพทย์ที่ทำขึ้นเพื่อพิสูจน์ “ความเป็นไปในการตีบของหลอดเลือดหัวใจ” โดยเป็นการวัดความดัน เพื่อเปรียบเทียบความดันในเส้นเลือดหัวใจ กับ ความดันหลักในหลอดเลือดใหญ่ เพื่อคำนวณหาว่า “หลอดเลือดหัวใจตีบมากหรือน้อยแค่ไหน?” ตีบมากพอที่สมควรจะทำการรักษาด้วยการทำบอลลูนใส่ขดลวดหัวใจหรือไม่
เพราะเวลาทำการรักษาด้วยการทำบอลลูนใส่ขดลวดหัวใจนั้น แพทย์จะต้องใส่ขดลวดเอาไว้ให้อยู่ในร่างกายของเราตลอดไป ซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมที่แน่นอนว่า นานวันไปก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ได้แน่ชัดว่า การทำบอลลูนใส่ขดลวดหัวใจนั้นคุ้มค่ามากกว่าจะเป็นการรักษาที่เสี่ยงเกินความจำเป็น ซึ่งFFR สามารถให้คำตอบกับเราได้อย่างชัดเจนที่สุด
FFR มีกระบวนการในการทำอย่างไร?
ในการทำFFR นั้น จะมีเครื่องมือที่ต่อเข้ากันกับสายลวดเล็ก ๆ ที่ไว้สำหรับใส่เข้าไปสู่หลอดเลือดหัวใจ ซึ่งในสายลวดเล็ก ๆ นั้นก็จะมีตัว Sensor ที่เอาไว้รับความแตกต่างของความดันในเลือดติดอยู่ โดย ณ ตำแหน่งต่าง ๆ กันภายในหลอดเลือดหัวใจ ก็จะมีค่าความดันที่แตกต่างกันไป ซึ่งค่าความดันที่ว่านี้ จะถูกนำมาคำนวณเป็น “ค่าFFR” ซึ่งจะมีเกณฑ์กำหนดไว้อย่างเป็นมาตรฐานว่า ค่าเท่าไร เหมาะกับการทำบอลลูนใส่ขดลวด และค่าเท่าไรไม่ควรทำ แต่ควรให้การรักษาด้วยการใช้ยาแทน ทั้งนี้ ค่าFFR ได้รับการทดลองและวิจัยจากหลายประเทศทั่วโลกแล้วว่า เป็นค่ามาตรฐานที่ทำแล้ว สามารถช่วยลดอัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้ และลดการต้องทำบอลลูนแบบเฉียบพลันได้
ในทางการแพทย์นั้น การทำFFR นับได้ว่าเป็นการทำให้แพทย์ทราบถึงความรุนแรงของการตีบของหลอดเลือดได้อย่างขัดเจนมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันสำหรับผู้ป่วยเอง ค่าFFR ที่คำนวณออกมาได้ ก็จะทำให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงกระบวนการรักษาที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีว่า ควรจะตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการทำบอลลูนใส่ขดลวดหัวใจดีหรือไม่ คุ้มค่ามากแค่ไหน นั่นเอง
“FFRคือการตรวจหาค่าความตีบของหลอดเลือดหัวใจ
ที่ทำให้ได้คำตอบที่แน่ชัดว่า คุ้มค่าหรือไม่กับการทำการรักษา
ด้วยการทำบอลลูนใส่ขดลวดเอาไว้ในร่างกาย”
นายแพทย์สมบูรณ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ
โรงพยาบาลพญาไท 3