“น้ำตาลในเลือดสูง” วลีสั้น ๆ ที่หากใครก็ตามได้ถูกแพทย์หยิบยื่นเข้ามาในชีวิตแล้วล่ะก็ อาจทำให้ชีวิตนั้นสั้นตามลงไปด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจาก “ความหวาน” คือหนึ่งในรสชาติของชีวิตที่หากขาดไปแล้วนั้น อาจพูดได้เลยว่าเหมือนทำให้ความสุขส่วนหนึ่งในชีวิตหายไป
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ความหวานจะทำให้ชีวิตมีความสุขแค่ไหน แต่ “ความหวานที่พอดี” ที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเราสูงเกินไปต่างหาก ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข มีสุขภาพที่แข็งแรง ปลอดโรคภัยร้ายอย่างเบาหวานที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคอื่น ๆ ตามมาได้ และนั่นเองจึงเป็นที่มาว่าทำไม เราจึงควรทำความเข้าใจและทำความรู้จักกับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเอาไว้บ้าง
การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดคืออะไร ตัวเลขเท่าไรจึงไม่อันตราย?
การตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด คือการตรวจเพื่อให้ทราบว่าในเลือด หรือในร่างกายของเรานั้น มีค่าน้ำตาลอยู่มากน้อยเท่าไร ซึ่งน้ำตาลที่ตรวจนี้นั้นก็คือ “น้ำตาลกลูโคส” ซึ่งได้รับมาจากการรับประทานอาหารต่าง ๆ ทั้งนี้ น้ำตาลกลูโคสเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานเพื่อให้เซลล์ต่าง ๆ สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ แต่ก็ไม่ควรให้มีในปริมาณที่มากเกินจำเป็น เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้
นั่นเองจึงเป็นที่มาของการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดให้รู้ว่าร่างกายเรามีระดับน้ำตาลที่ปกติหรือเปล่า เพื่อให้ควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงนั่นเอง โดยค่าการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลัก ๆ ที่สำคัญที่เราควรรู้จักมีอยู่ด้วยกัน 2 ค่า ได้แก่
1.ค่า FBS หรือ Fasting Blood Sugar
เป็นค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่ได้จากการตรวจหลังอดอาหารมาแล้ว 8 ชั่วโมง ซึ่งเกณฑ์ปกติจะอยู่ที่ 60-99 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ลงไป โดยหากตรวจเลือดแล้วพบว่า มีค่า FBS ตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไปจะถือว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูง โดยถ้าตรวจพบค่าในระหว่าง 100-125 มิลิกรัมต่อเดซิลิตร จะถือว่าอยู่ในโซนที่มีโอกาสเกิดภาวะ “Insulin Resistant” หรือ ภาวะดื้ออินซูลิน ที่จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้ ส่วนหากตรวจพบ ค่าระดับน้ำตาลในเลือด FBS ตั้งแต่ 126 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป จะหมายความว่าเรามีภาวะเป็นโรคเบาหวานแล้ว ต้องพบแพทย์เพื่อรับยาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารโดยด่วน
2.ค่า HbA1c หรือ Hemoglobin A1c
เป็นการตรวจค่าเฉลี่ยน้ำตาลในเลือดที่จับกับฮีโมโกลบินของเม็ดเลือดแดง ในช่วง 3 เดือนล่าสุด หรือที่มักเรียกให้เข้าใจกันง่าย ๆ ว่า “การตรวจหาค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสม” จะมีประโยชน์ในการช่วยวิเคราะห์ว่าร่างกายสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีเพียงใด และยังช่วยคัดกรองได้อย่างแน่นอนด้วยว่าเราเป็นโรคเบาหวานหรือไม่
ทั้งนี้ การตรวจระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม หรือ HbA1c นั้นจะให้ผลวินิจฉัยที่แน่นอนกว่า FBS ในการยืนยันว่าเป็นเบาหวานหรือเปล่า โดยหากตรวจพบว่ามีค่า HbA1c มากกว่า 5.7 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป จะถือว่ามีความเสี่ยงโรคเบาหวานทันที โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาค่า FBS ประกอบ
ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงจนเป็นปกติ
หากตรวจสุขภาพร่างกายออกมาแล้วผลปรากฏว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หากถึงเกณฑ์ที่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน แพทย์ก็อาจพิจารณาให้ยาก่อนภาวะเบาหวาน หรือหากพบว่าเป็นโรคเบาหวานแล้ว ก็จะต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง ร่วมกันไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังต่อไปนี้
- งด ลด เลี่ยง อาหารจำพวกแป้ง คาร์โบไฮเดรต และของหวานที่มีน้ำตาลสูง
เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด - ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อให้น้ำไปช่วยขจัดน้ำตาลออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายดึงเอาน้ำตาลออกไปใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
- พบแพทย์ตามนัด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดใกล้ชิด
สำหรับผู้ที่ตรวจสุขภาพแล้วพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงแต่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ก็ควรตระหนักไว้เช่นกันว่า ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานตัวเองให้เหมาะสม ไม่ตามใจปากเกินไป รับประทานของหวาน อาหารจำพวกแป้งแต่พอดี เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้นจนถึงเกณฑ์เป็นโรค เพราะหากเป็นแล้วการจะควบคุมให้ลดลงมาได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย และทำให้เราต้องทานยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลยของการใช้ชีวิตให้มีความสุข
ปัจจุบันผู้ป่วยโรคเบาหวานมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องด้วยพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมของคนยุคใหม่ ที่มีของอร่อยให้ทานมากเกินไป และขาดการออกกำลังกาย ทำให้สุดท้ายแล้ว ก็เป็นทางผ่านพาให้ผู้คนป่วยเป็นโรคอื่น ๆ ตามมาอย่างเช่น ตาบอดเพราะภาวะเบาหวานขึ้นตา โรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ เพราะน้ำตาลไปทำให้หลอดเลือดเสื่อม ซึ่งอาจทำให้ถึงขั้นพิการและเสียชีวิตได้
ดังนั้น การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ให้สูงจนเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานนั้น จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องใส่ใจ ดูแลตัวเองให้ดี เพื่อให้มีชีวิตที่มีความสุข แข็งแรง ไม่ต้องถูกค่ารักษาพยาบาลแพง ๆ เล่นงาน และไม่ป่วยเป็นโรคร้ายจนต้องตายจากโลกนี้ไปก่อนเวลาอันควร