ชัวร์หรอว่าแค่เป็นหวัด ไม่ใช่ไซนัสอักเสบ

ชัวร์หรอว่าแค่เป็นหวัด ไม่ใช่ไซนัสอักเสบ

คัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ ร้อยทั้งร้อยส่วนใหญ่เมื่อเราพบว่าตัวเองมีอาการประมาณนี้เกิดขึ้น ก็มักจะลงความคิดเห็นเอาเองเลยว่า “เป็นหวัดแน่ ๆ ” ตามด้วยการไปซื้อยามาทานเอง แล้วก็อาจพบว่า ไม่หาย และไม่ดีขึ้นสักเท่าไร

ทั้งนี้ ทราบหรือไม่ครับว่า อาการผิดปกติของร่างกายที่คล้ายหวัดนั้น บางทีก็ไม่ใช่หวัดเสมอไป แต่อาจเป็น “ไซนัสอักแสบ” ที่รุนแรงกว่า และหากปล่อยให้เป็นเรื้อรังนาน ๆ อาจถึงขั้นตาบอดได้เลยทีเดียว ซึ่งเพื่อให้เราสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายตัวเองได้ดีขึ้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกันว่า ไซนัสอักเสบ ต่างจากไข้หวัดธรรมดา ๆ อย่างไร

ทำความรู้จักไซนัส จะได้รู้ชัดว่าเราป่วยเป็นอะไรกันแน่?

“ไซนัส” แท้จริงแล้วคืออวัยวะหนึ่งใสร่ากายคนเรา โดยเป็น “โพรงอากาศในกระดูกใบหน้ารอบโพรงจมูก” ซึ่งมีด้วยกัน 4 ชิ้นด้วยกัน ได้แก่ Maxillary Sinus หรือไซนัสที่แก้ม Ethmoid Sinus หรือ ไซนัสที่หัวตา Frontal Sinus หรือไซนัสที่หน้าผาก และ Sphenoid Sinus หรือไซนัสที่ฐานสมองส่วนหลัง

ดังนั้น โรคไซนัสอักเสบ ไซนัสติดเชื้อ ที่เรียกกันสั้น ๆ ไซนัส ๆ นั้น หมายถึงการที่ โพรงอากาศในกระดูกรอบใบหน้าโพรงจมูกติดเชื้อนั่นเอง ซึ่งก็สามารถเกิดขึ้นได้กับไซนัสทั้ง 4 ตำแหน่ง

ไซนัสแตกต่างจากหวัดตรงไหน สังเกตอาการยังไงให้รู้?

สาเหตุของทั้งไซนัสอักเสบและไข้หวัด เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้เหมือนกัน แต่ไข้หวัดนั้น จะเป็นการติดเชื้อที่ “เยื่อบุโพรงจมูก” ส่วนไซนัสคือตัวเชื้อจะลุกลามมากไปกว่านั้น คือเป็นการติดเชื้อที่ “โพรงอากาศรอบกระดูกใบหน้าหรือว่าโพรงไซนัส” นั่นเอง ทั้งนี้อาการสังเกตของโรคไซนัสอักเสบ ได้แก่

  • มีภาวะคัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้
  • น้ำมูกเปลี่ยนสี เป็นสีเขียวหรือเหลือง ไม่ใช่น้ำมูกใส
  • มีภาวะหายใจได้กลิ่นลดลง และอาจมีอาการปวดร่วมด้วย
  • หายใจแล้วมีเสียงอู้อี้ขึ้นจมูกเยอะ ๆ
  • อาจมีอาการไอ และเจ็บคอ

เมื่อพิจารณาอาการของโรคไซนัสอักเสบในภาพรวมแล้วจะพบว่ามีความคล้ายกันมากกับอาการของไข้หวัด ซึ่งถ้าจะถามถึงความแตกต่างว่าสังเกตอย่างไรถึงจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นไซนัส ไม่ได้เป็นหวัดนั้น คำตอบก็คือ ถ้าหากมีอาการตามที่กล่าวมาร่วมกัน 3 อาการขึ้นไป และเป็นติดต่อกัน 3 วันแล้วไม่หาย หรือพบว่ามีอาการแย่ลง เช่น น้ำมูกข้นมากขึ้น คัดจมูกเพิ่มขึ้น ภายใน 5-7 วัน หรือถ้ารู้สึกว่าเป็นหวัดต่อเนื่องกัน 10 วันแล้วยังไม่หายล่ะก็ สามารถสันนิษฐานได้เลยว่า เราเป็นไซนัสอักเสบติดเชื่อ ไม่ได้เป็นหวัดธรรมดา และควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

และข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรตระหนักไว้ก็คือ ไข้หวัดสามารถพัฒนากลายมาเป็นไซนัสได้ ถ้าหากรักษาไม่ถูกวิธี โดยเชื้อจะลุกลามจากโพรงจมูก เข้ามาที่โพรงไซนัส และทำให้เราป่วยเป็นไซนัสอักเสบในที่สุด นั่นเองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ถึงแม้เป็นหวัดก็ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง แต่ควรปรึกษาแพทย์ ให้แพทย์ตรวจให้ละเอียดและจ่ายยารักษาให้ถูกต้องเหมาะสม โรคจะได้ไม่ลุกลามจนเป็นอันตรายมากขึ้น

มีวิธีการรักษาอย่างไร เมื่อป่วยเป็นไซนัสอักเสบ?

โดยปกติแล้ววิธีการรักษาไซนัสอักเสบนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมกับความรุนแรงของอาการคนไข้แต่ละราย แต่โดยทั่วไปจะรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อเป็นเวลา 7 วัน ร่วมกับการให้ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้ ก็สามารถทำให้หายเป็นปกติได้

แต่ในกรณีที่คนไข้มีประวัติเป็นภูมิแพ้ด้วย แพทย์ก็จะพิจารณาให้ใช้ยาสเปรย์พ่นชนิดสเตรอยด์ ที่ช่วยในการลดการอักเสบลดบวมได้อย่างรวดเร็วควบคู่กันไปกับการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ซึ่งแพทย์จะสอนให้คนไข้ล้างให้เป็น และกลับไปล้างอย่างสม่ำเสมอที่บ้าน โดยมีขั้นตอนในการล้างจมูก ดังต่อไปนี้

  • ก้มหน้าประมาณ 45 องศา หน้าอ่างล้างหน้า
  • นำขวดน้ำเกลือใส่เข้าไปในจมูกตรง ๆ
  • กลั้นหายใจ แล้วบีบขวดน้ำเกลือ ให้น้ำเกลือใหลไปตามจมูก
  • ถ้าหากล้างได้อย่างถูกต้อง น้ำเกลือจะไหลมายังจมูกอีกข้างหนึ่ง หรือไหลออกทางปากพร้อมกับน้ำมูก
  • ใน 1 วันจะล้างประมาณ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยปริมาณน้ำเกลือต่อครั้งจะขึ้นอยู่กับน้ำมูกที่ค้างอยู่

อย่างไรก็ตาม สำหรับคนไข้ที่อาการหนักมาก ๆ และทำการรักษาด้วยวิธีให้ยาเต็มที่แล้วแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณาให้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อแก้ไขกันอุดตันของรูระบายไซนัส ให้กลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งก็จะทำให้หายขาดได้ แต่ไซนัสอักเสบเองก็เหมือนกับไข้หวัด คือสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ถ้าหากดูแลตัวเองไม่ดีพอ

อันตรายรุนแรงแค่ไหน เมื่อป่วยเป็นไซนัสอักเสบ?

ไซนัสอักเสบนั้น ถือว่าเป็นโรคที่มีความอันตรายและรุนแรงมากในระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะยิ่งถ้าหากเราปล่อยทิ้งเอาไว้เป็นระยะเวลานาน ปล่อยให้เป็นเรื้อรัง และสำหรับ Ethmoid Sinus หรือ ไซนัสที่หัวตา ถือเป็นตำแหน่งที่รุนแรงมากกว่าทุกตำแหน่ง เพราะอาจลุกลามไปที่ดวงตา จนทำให้คนไข้ตาอักเสบ หนังตาบวม ติดเชื้อในดวงตา จนกระทั่งตาบอดได้ในที่สุด ดังนั้น เมื่อสังเกตพบเห็นอาการผิดปกติคล้ายหวัด แต่เป็นนานไม่หายภายใน 3 วัน ก็ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อความปลอดภัย

ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลจากภัยไซนัส?

สำหรับวิธีการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคไซนัสนั้น ก็จะเป็นแนวทางเดียวกันกับการป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ คือ สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องเดินทางไปยังในที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางการหายใจได้ง่าย ๆ อาทิ รถไฟฟ้า โรงภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ นอกจากนั้นก็ควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ เวลาไอ จาม ให้ปิดปาก ควรรับประทานอาหารด้วยการใช้ช้อนกลาง และเวลามีสมาชิกในบ้านคนใดคนหนึ่งเป็นหวัด ควรให้นอนแยกห้อง เพราะหากนอนในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศร่วมกัน จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อได้ง่ายมากขึ้น

ในกรณีที่เด็กเล็กในบ้านป่วยเป็นหวัด และไม่สะดวกใส่หน้ากากอนามัย คนอื่น ๆ ในบ้านก็สามารถใส่แทนได้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยามารับประทานเอง เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้ โดยหากเป็นหวัดหลายวันไม่หาย สงสัยว่าอาจเป็นไซนัสอักเสบควรรีบไปพบแพทย์ดีกว่า

ไซนัสอักเสบนั้นเป็นโรคที่คล้ายหวัด แต่รุนแรงกว่าหวัดมาก และเป็นโรคที่สามารถพัฒนาจากหวัดธรรมดา ๆ ได้ด้วย หากได้รับการรักษาดูแลที่ไม่ถูกวิธี ทั้งยังเป็นโรคที่สามารถติดต่อถึงกันได้อีก ดังนั้นแล้ว หากพบเห็นสังเกตอาการตัวเอง หรือคนใกล้ชิด มีความผิดปกติที่คล้ายกับจะเป็นหวัด แต่ไม่หายสักทีล่ะก็ อย่านิ่งนอนใจปล่อยเอาไว้ เพราะถ้าเกิดว่าเป็นไซนัสขึ้นมาเมื่อไร จะไม่มีทางหายได้เอง และมีแต่จะทำให้ยิ่งเจ็บป่วยรุนแรงเข้าไปอีก จนกลายเป็นทำให้คนใกล้ชิดที่เรารักเสี่ยงอันตรายป่วยกายป่วยใจตามไปด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า