“ปอดแตก ปอดรั่ว ปอดฉีก” จริง ๆ แล้วถือเป็นภาวะเดียวกัน ที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ที่สามารถพบเห็นข่าวคราวคนไข้ปอดแตกที่บ้างก็เป็นดารา หรือเป็นนักกีฬา บนหน้าสื่อสังคมออนไลน์อยู่เสมอ แต่ถึงแม้จะเป็นภาวะที่คุ้นหู แต่จะมีสักกี่คนกันที่รู้จริง ๆ ว่า ภาวะปอดแตกนั้นคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าหากเราทราบและทำความเข้าใจไว้ ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราดูแลตัวเองจากความร้ายแรงของภาวะปอดแตกนี้ได้มากยิ่งขึ้น
ปอดแตก ปอดรั่ว คืออะไร ทำความเข้าใจให้รู้เท่าทัน?
ภาวะปอดแตก หรือปอดรั่ว เป็นภาวะที่เกิดขึ้นมาจากการที่ถุงลมเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในปอดของคนเรา เกิดอาการแตก ฉีกขาด หรือรั่วขึ้นมาเองโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องเกิดจากการออกแรงอะไรเลย หรือ ไม่จำเป็นต้องได้รับแรงกระแทกจากเหตุการณ์อะไร ก็สามารถที่จะแตกหรือรั่วขึ้นมาเองได้ ซึ่งเมื่อถุงลมในปอดเกิดแตกขึ้นมาเมื่อไร ก็จะทำให้ลมที่อยู่ด้านในปอดรั่วออกมายังเยื่อหุ้มปอด จนก่อให้เกิดอันตรายในที่สุด
ทั้งนี้ การใช้ชีวิต ท่าเดิน ท่านั่ง หรือการเคลื่อนไหว ไม่มีผลใดต่อภาวะปอดแตก โดยทางการแพทย์เชื่อว่า ปอดแตกเป็นภาวะที่มีผลมาตั้งแต่กำเนิดจากถุงลมในปอดที่ผิดปกติ แล้วอาจมีการอุดตัน มีเสมหะไปอุดกลั้น จนทำให้ถุงลมเล็ก ๆ ที่มีความผิดปกติในปอดนั้นป่องขึ้นเรื่อย ๆ จนแตกหรือรั่วได้ในที่สุด ซึ่งโดยมากมักเกิดแบบกะทันหัน
ปอดแตก ปอดรั่ว เป็นภัยที่เสี่ยงต่อใครมากที่สุด?
โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบในคนไข้ที่เป็นผู้ชาย ตัวสูง ผอม โดยคนไข้ไม่จำเป็นต้องมีอาการของโรคปอดมาก่อน ไม่จำเป็นต้องเคยเป็นถุงลมโป่งพอง ไม่ต้องเคยเป็นโรคปอดมาก่อน ก็สามารถที่จะเกิดภาวะปอดแตกได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ชายที่แข็งแรงตัวสูง เป็นนักกีฬา ก็สามารถปอดแตกปอดรั่วได้ เพราะเป็นปัจจัยที่เกิดมาจากความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด ทำให้ถุงลมในปอดบางส่วนนั้นบางกว่าปกติ แต่ทั้งนี้จากสถิติพบว่า คนที่สูบบุหรี่ จะมีโอกาสเกิดภาวะปอดแตกปอดรั่วได้มากกว่าคนปกติ หรือเป็นซ้ำได้บ่อยมากกว่า
สำหรับผู้หญิงก็พบว่าเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน แต่พบได้น้อยกว่า ส่วนผู้สูงอายุ ก็มีโอกาสเป็นภาวะปอดแตกได้เช่นกัน ทั้งนี้ กิจกรรมบางอย่างก็มีส่วนทำให้มีโอกาสเกิดภาวะปอดแตกได้เช่นกัน อาทิ การดำน้ำ เล่นเครื่องเล่นสูง ๆ การขึ้นที่สูงเร็ว ๆ ลงน้ำ ดำน้ำเร็ว ๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศอย่างรวดเร็ว สามารถทำให้เกิดภาวะปอดแตก ได้ง่ายขึ้น
สังเกตอาการอย่างไรให้รู้ตัวว่าปอดรั่ว ปอดแตก?
อาการแสดงของภาวะปอดแตกปอดรั่วนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงระยะ โดยในระยะแรกคือเมื่อถุงลมในปอดเกิดแตกขึ้นมา คนไข้จะมีอาการ “รู้สึกเจ็บหน้าอกแปลบทันที” และในระยะที่ 2 คือหลังจากที่มีลมรั่วแล้ว จะทำให้เกิดอาการ “แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก รู้สึกอึดอัด หายใจลำบาก เหนื่อยมากขึ้น” เพราะมีลมค้างอยู่ในเยื่อหุ้มปอด ทั้งนี้ อาการจะรู้สึกได้มากน้อยแค่ไหน จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดสังเกตมากน้อยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ “ลมรั่ว” ว่ามีมากน้อยแค่ไหน โดยถ้ารั่วไม่มาก ก็อาจทำให้คนไข้ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ และกลายเป็นปล่อยให้ลมรั่วออกมามากขึ้น เกิดสะสมจนเป็นอันตรายมากขึ้น
วินิจฉัยรักษาอย่างไร เมื่อปอดรั่ว ปอดแตก?
ในเบื้องต้นคนไข้ส่วนใหญ่จะมาด้วยอาการเจ็บหน้าอก ซึ่งแพทย์จะทำการซักประวัติถามอาการเพิ่มเติม แล้วจากนั้นจึงส่งคนไข้เข้ารับการทำเอ็กซเรย์ปอด ซึ่งโดยมากแล้วผลเอ็กซเรย์จะทำให้ทราบทันทีว่าปอดแตกปอดรั่วหรือไม่ ทั้งนี้ สำหรับแนวทางในการรักษานั้นแบ่งออกเป็น 2 ทาง ตามปริมาณความรุนแรงของภาวะปอดแตก โดย หากมีปริมาณลมรั่วน้อย แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการให้คนไข้นอนและหายใจนำเอาออกซิเจนความเข้มข้นสูงเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะทำให้ลมที่รั่วออกมานั้นถูกดูดซึมหายไปเองได้
แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรง คือมีลมรั่วออกมาจำนวนมาก ก็จำเป็นต้องทำการรักษาด้วยการใส่ท่อ เพื่อระบายอากาศออกมาจากเยื่อหุ้มปอด หรือในบางราย เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่มีโอกาสเป็นซ้ำได้บ่อย แพทย์อาจแนะนำให้คนไข้ให้ทำการรักษาด้วยการผ่าตัดนำถุงลมเล็ก ๆ ที่ผิดปกตินั้นออก แล้วทำการประสานเยื่อหุ้มปอดให้สนิท เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดซ้ำ
ดูแลตัวเองอย่างไร ให้ห่างไกลจากภาวะปอดแตก ปอดรั่ว?
โดยทั่วไปแล้วภาวะปอดแตก ปอดรั่วนั้น ไม่สามารถป้องกันได้โดยตรง เนื่องจากเป็นความผิดปกติแต่กำเนิดของถุงลมเล็ก ๆ ในปอด แต่ทั้งนี้ในแนวทางของการลดความเสี่ยงที่สามารถทำได้ก็คือ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การสูดควันบุหรี่ เพราะมีผลต่อโอกาสที่จะกระตุ้นทำให้ปอดแตกได้ง่ายขึ้น หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความดันอาการอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นแล้วสิ่งสำคัญที่ทำได้ก็คือ การเข้าตรวจสุขภาพปอดเป็นประจำ เพื่อหาความผิดปกติของปอด เพื่อจะได้ทำการรักษาได้ทัน ตั้งแต่ที่มีอาการเล็กน้อย
ทั้งนี้ แม้ปอดแตกจะไม่ได้เป็นภาวะที่เป็นอันตรายเฉียบพลันถึงชีวิต เพราะมีระยะเวลาให้สามารถนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจประมาท โดยเฉพาะในกรณีที่อยู่ต่างประเทศ หรืออยู่ในพื้นที่ที่ไปหาหมอลำบาก ก็อาจทำให้เป็นอันตรายได้ อีกทั้งยังเป็นโรคที่เกิดขึ้นซ้ำได้ คือเป็นแล้วเป็นอีกได้ จึงทำให้ควรเข้าพบปรึกษาแพทย์ และทำการรักษาให้หายขาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของตัวเราเอง
“แม้ปอดแตกอาจไม่น่ากลัว
แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว
ก็อาจเป็นอันตรายน่ากลัวได้ในที่สุด”
นายแพทย์วิชัย บุญสร้างสุข
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ
โรงพยาบาลพญาไท 3