ท่ามกลางวิกฤตการณ์ COVID-19 ตลอดจนฝุ่น PM 2.5 ที่ปกคลุมไปทั่วทุกหัวระแหง ส่งผลทำให้สุขภาพของเราตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ที่อาจเจ็บป่วยได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม หรือถ้าป่วยขึ้นมาก็อาจรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถือเป็นหน้าด่านสำคัญที่จะช่วยทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งกับใครที่ออกกำลังกายประจำ ทานอาหารมีประโยชน์ ทานวิตามินเสริมอย่างพอเพียงนั้น ก็แน่นอนว่าภูมิคุ้มกันร่างกายน่าจะแข็งแรงสู้ไหว แต่กับใครที่ไม่ค่อยดูแลร่างกายตัวเองเลยล่ะก็ จะมาเร่งทานวิตามินเอาตอนนี้ ก็คาดว่าอาจจะไม่ทันการณ์
ดังนั้น ถ้าอยากอุ่นใจมากขึ้น อยากให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงพอสู้วิกฤตช่วงนี้ให้ได้มากที่สุด หนึ่งในทางออกที่ทำได้นั้นก็คือการให้ร่างกายได้รับวิตามินบำบัดสูตรเข้มข้นแบบ Immune Booster
Immune Boosterคืออะไร รู้จักไว้เพื่อภูมิคุ้มกันแข็งแรงยิ่งขึ้น
“Immune Booster” คือโปรแกรมการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ด้วยการให้วิตามินผ่านวิธีการ “Drip” หรือ “การให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ” คล้ายกับการให้ยาทางสายน้ำเกลือ โดยส่วนประกอบหลักสำคัญของโปรแกรม Immune Boosterนั้น ก็คือ วิตามินซีปริมาณความเข้มข้นสูง และกรดอะมิโนหลากหลายชนิดที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ทั้งนี้ หลักการทำงานของโปรแกรม Immune Boosterนั้น คือเป็นการเพิ่มวิตามินซีเข้าไปในร่างกายในปริมาณที่สูงกว่าปกติ ซึ่งจะมีประโยชน์ในการช่วยกระตุ้นทำให้เม็ดเลือดขาวซึ่งมีหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และพร้อมที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้ามาสู่ร่างกายเราได้ดีขึ้น เสมือนกับเป็นการทำให้ทหารที่พักซ้อมรบนาน ๆ กลับมาฝึกจนแข็งแรงกระฉับกระเฉงอีกครั้ง แล้วสามารถเอาชนะศัตรูที่มุ่งทำร้ายรุกรานเราได้อย่างราบคาบ
รับวิตามินแบบ Immune Booster ไม่ต้องเตรียมตัวเยอะง่ายนิดเดียว
สำหรับโปรแกรมการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วยการให้วิตามินทางหลอดเลือดดำ หรือ Immune Boosterนั้น มีขั้นตอนการดำเนินการที่ไม่ได้ซับซ้อนยุ่งยาก โดยจะเริ่มต้นจากการเปิดเส้นเลือด แล้วเจาะต่อสายคล้ายการให้สายน้ำเกลือ จากนั้นก็ให้วิตามินบำบัดสูตรเข้มข้นพิเศษเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้นเพียงแค่ 1 ชั่วโมง ก็สามารถกลับบ้านได้ ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร ก็สามารถนัดแพทย์เพื่อดำเนินการได้เลย
อย่างไรก็ตามสำหรับโปรแกรมImmune Booster ของทาง รพ.พญาไท 3 นั้น จะมีการตรวจสภาพร่างกายรวมอยู่ในโปรแกรมด้วย เพื่อให้แพทย์ได้ประเมินสภาพร่างกายและสภาวะภูมิคุ้มกันได้ก่อน อันนำไปสู่การวางแผน กำหนดปริมาณวิตามินที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งก็จะช่วยทำให้การสร้างภูมิคุ้มกันนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ต้องทำ Immune Booster บ่อยแค่ไหน ถึงจะทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง?
การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายด้วยโปรแกรมImmune Booster นั้น เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่ไม่ค่อยดูแลสุขภาพตัวเอง ทำงานหนัก เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่ค่อยได้ดูแลเรื่องของอาหารการกิน และวิตามินให้ตัวเองเท่าไร ซึ่งเมื่อมาเข้าโปรแกรมนั้น ก็ทำครั้งแรกครั้งเดียวก็เพียงพอ หลังจากนั้นก็ใช้การรับประทานวิตามินเสริมเพื่อรักษาสภาพภูมิคุ้มกันที่เพิ่มสูงขึ้นแล้วแทนก็ได้ ควบคู่กันไปกับการดูแลร่างกายตามปกติ คือทานอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ร่างกายอ่อนแอมาก ๆ รู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ่อย ๆ ก็อาจทำเพิ่มซ้ำได้ แต่แนะนำเป็นอีกสูตรหนึ่ง ได้แก่ Immune Support ซึ่งจะเป็นวิตามินซีที่มีปริมาณความเข้มข้นมากกว่า เหมาะสำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ที่สภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอเป็นพิเศษ โดยอาจเข้ามารับวิตามินเพิ่มอีกประมาณ 2 ครั้ง เว้นระยะห่างประมาณ 5-7 วันต่อครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมตกค้างของวิตามินมากเกินไปจนเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อน และหลังจากรับวิตามิน Immune Support ครบแล้ว ก็ใช้การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และทานวิตามินปกติ เพื่อรักษาสภาพภูมิคุ้มกันได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าโปรแกรมอีก
ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้น อยู่ท่ามกลางเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และฝุ่นสิ่งสกปรกได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งการจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีได้นั้น ก็จำเป็นจะต้องเกิดจากการดูแลตัวเองอย่างมีวินัยสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง ซึ่งยิ่งเราปล่อยตัวเองมากเท่าไร ไม่สนใจการพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การเสริมวิตามินจำเป็นให้ร่างกาย ก็จะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันค่อย ๆ อ่อนประสิทธิภาพลงทีละนิด จนสุดท้ายชีวิตก็เสี่ยงภัย เจ็บป่วยง่าย ป่วยนาน และป่วยแต่ละครั้งก็รุนแรงมากขึ้นในที่สุด