โดยทั่วไปแล้วในวงการฟิตเนสนั้น ถ้าพูดถึงการ “ลดไขมัน” จะมีงานวิจัยรองรับอย่างแพร่หลายมากมายว่า
การออกกำลังกายแบบ Strength Trainingมีประสิทธิภาพในการลดไขมันได้มากที่สุด เพราะยิ่งร่างกายมีกล้ามเนื้อมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ใช้พลังงานและเบิร์นไขมันได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ทั้งนี้ ทราบหรือไม่ว่า ในความจริงดังกล่าว ร่างกายของเราสามารถเบิร์นไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมได้อีก ด้วยการออกกำลังกายแบบ Cardio ร่วมด้วย
ในร่างกายของคนเรานั้น Mitochondria คือ เซลล์ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการใช้พลังงานในเชิง Aerobic หรือการใช้ไขมันและคาร์โบไฮเดรตในระยะยาว โดยจะมีหน้าที่ในการสันดาบพลังงานที่ต้องใช้ออกซิเจนช่วยทั้งหมด นั่นจึงทำให้เราสามารถที่จะฝึกให้ Mitochondria มีขีดความสามารถในการช่วยเบิร์นไขมันได้มากขึ้นได้ ด้วยการออกกำลังกายแบบ Cardio ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเสริมความแข็งแรงของหัวใจและปอดให้สามารถนำออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อร่างกายนำออกซิเจนมาใช้ได้ดีขึ้น การสันดาปพลังงานที่ต้องใช้ออกซิเจนในร่างกายโดย Mitochondria นั้น ก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
[irp posts=”319″ name=”8 ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้นักกีฬาเกิดปัญหาอาการบาดเจ็บ”]
[irp posts=”154″ name=”ขาดน้ำขณะออกกำลังกาย ส่งผลร้ายอะไรกับเราบ้าง?”]
ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ โดยปกติแล้วคนเราจะมีเวลาออกกำลังกายวันหนึ่งเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ในช่วงเวลาอื่นๆ ร่างกายจะอยู่ในโหมดใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก หรือที่เรียกว่า Oxidative System ซึ่งเมื่อดูจากรากศัพท์ภาษาอังกฤษแล้ว เราก็จะพบว่าเป็นโหมดของการสันดาปพลังงานที่ต้องใช้ออกซิเจนร่วมด้วย นั่นเองจึงทำให้หากเราฝึกให้ Mitochondria ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว โอกาสในการเบิร์นไขมันในระหว่างวันของเราในช่วงเวลาที่ไม่ได้ออกกำลังกายก็จะมีมากขึ้น ซึ่งการที่จะทำให้ Mitochondria ทำงานได้ดีขึ้นนั้น เราก็จำเป็นต้องฝึกการออกกำลังกายแบบ Cardio ด้วยนั่นเอง
จากบทสรุปของการเบิร์นไขมันในร่างกายคนเรา ทำให้เห็นว่า จริงๆ แล้วร่างกายเรานั้นทำงานแบบสมดุล คือไม่ได้สุดโต่งในทางในทางเดียว ที่จริงอยู่แม้การออกกำลังกายแบบ Strength Training จะมีประสิทธิภาพโดยตรงในการเบิร์นไขมัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การออกกำลังกายแบบ Cardio จะไม่ช่วยอะไรเลย ดังนั้น เราจึงไม่อาจแบ่งแยกได้ชัดๆ ว่า แบบไหนดีกว่ากัน แต่เราควรเลือกที่จะออกกำลังกายในหลายๆ แบบให้ร่างกายได้รับการดูแลอย่างครอบคลุมและทั่วถึงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักกีฬา ที่จำเป็นต้องดูแลตัวเองให้รอบด้าน เหมือนกับการที่หากนักกีฬาสนใจแต่การออกกำลังกาย ไม่สนใจทักษะ ไม่สนใจการเคลื่อนไหว การจัดท่าทางให้ถูกต้อง ต่อให้มีร่างกายที่แข็งแรงแค่ไหน ก็ยังมีข้อบกพร่องมากมายที่ทำให้สุดท้าย ก็คงไม่ดีพอที่จะเป็นผู้ชนะได้ในการแข่งขัน