ถ้าพูดถึงการเป็นนักกีฬาที่จะประสบความสำเร็จแล้ว หลายคนอาจโฟกัสไปที่พรสวรรค์ หรือทักษะขั้นเลิศของกีฬานั้นๆ อาทิ ฟุตบอล ก็ต้องเลี้ยงบอลเก่ง ยิงประตูเก่ง บาสเก็ตบอลก็ต้องชู้ตแม่นยำ ส่งบอลเร็ว เคลื่อนที่ไปกับบอลได้ดี ฯลฯ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทักษะในด้านกีฬาไม่ใช่เพียงแค่ทักษะด้านเดียวที่จะทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จได้ แต่การจะเป็นนักกีฬาที่ดีได้ จำเป็นต้องมีทักษะเชิงสมรรถภาพร่างกายที่เพียบพร้อมครอบคลุมรอบด้านด้วย ซึ่งความสามารถของร่างกายที่จะช่วยให้นักกีฬาเล่นกีฬาได้ดีขึ้น มีโอกาสเป็นแชมป์ได้มากขึ้นนั้น มีอยู่ด้วยกัน 6 ด้าน ดังต่อไปนี้
1. ความคล่องตัวเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่ว (Agility)
เป็นความสามารถของร่างกายในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่และอย่างรวดเร็ว และสามารถควบคุมได้ตามอย่างที่ใจต้องการเปรียบเทียบเหมือนกับการแข่งรถ ที่ใครสามารถเลี้ยวได้ดีมากกว่าและยังคงความเร็วไว้ได้ดีมากกว่า ก็มีโอกาสเป็นผู้ชนะมากขึ้น เช่นกันกับการแข่งขันกีฬาในทุกประเภท ที่หากสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างคล่องแคล่ว แม้จะเหนือกว่ากันเพียงเสี้ยววินาที ก็ทำให้เรามีโอกาสชนะได้มากขึ้น
2. การทรงตัวที่มั่นคงในทุกการเคลื่อนไหว (Balance)
เป็นความสามารถของร่างกายในการรักษาสมดุลเอาไว้ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบในขณะที่อยู่กับที่หรือเคลื่อนที่ โดยหากนักกีฬามีการทรงตัวที่ไม่ดี ในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วแต่ละครั้งเพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขัน พวกเขาอาจพลาดหกล้ม จนเสียโอกาสดีๆ ไปหรือถึงขั้นอาจทำให้ตัวเองบาดเจ็บและไม่สามารถแข่งขันได้ต่ออีกเลยก็ได้ ดังนั้นการทรงตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรฝึกให้ร่างกายสามารถแสดงทักษะด้านนี้ออกมาให้ได้อย่างดีที่สุด
3. การประสานสัมพันธ์ระหว่างสมอง ตา มือ เท้า (Co-Ordination)
เป็นความสามารถของร่างกายในการเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ ไม่ติดขัด ไม่เก้กัง ซึ่งต้องเกิดจากการฝึกฝนการทำงานร่วมกันของสมอง ระบบประสาทและการรับรู้ของ ตา มือ เท้า กล่าวคือ นักกีฬาต้องสามารถฝึกฝนจนสั่งการสมองให้ออกคำสั่งการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อลดการเสียเวลา การเคลื่อนที่ที่ผิดพลาด อันนำมาซึ่งโอกาสของการได้รับชัยชนะที่มากขึ้น
4. กล้ามเนื้อที่ทรงพลังแข็งแกร่ง (Power)
เป็นความสามารถของร่างกายในการมีกล้ามเนื้อทุกส่วน ที่สามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างทรงพลัง สามารถระเบิดพลังออกมาทำให้เราแสดงสมรรถณะได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการกระโดด การวิ่ง การยกน้ำหนัก ฯลฯ นักกีฬาที่ปราศจากกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ก็เหมือนกับรถที่เติมน้ำมันไม่เต็มถัง และมีเครื่องยนต์ที่ไม่ฟิต ทำให้ไม่สามารถดึงเอาพลังออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
และแน่นอนว่า มีโอกาสพ่ายแพ้ได้มากกว่า
5. ปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction Time)
เป็นความสามารถของร่างกายในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าและสภาพแวดล้อมต่างๆ ในการแข่งขัน เช่น แสง เสียง หรือการเคลื่อนไหวของนักกีฬาคู่แข่ง ที่หากร่างกายถูกฝึกให้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไวมากเท่าไร ก็จะทำให้ตอบรับต่อการเคลื่อนไหวของคู่แข่งได้มากเท่านั้น อาทิ นักกีฬาฟุตบอล ต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของคู่แข่งที่ดี นักกีฬาแบตมินตันต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อทิศทางของลูกแบตมินตันเป็นต้น
6. ความเร็ว (Speed)
เป็นความสามารถของร่างกายในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แตกต่างจากความคล่องตัวตรงที่ไม่ได้เปลี่ยนทิศทาง แต่เป็นจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งทันที ซึ่งก็เป็นพื้นฐานของการคล่องตัวอีกทีหนึ่ง ทั้งนี้ สำหรับนักกีฬาที่มีความเร็วนั้น ก็จะมีภาษีเหนือกว่าในทุกๆ จังหวะของการแข่งขัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถฝึกได้และเป็นสิ่งที่ควรฝึกให้มีไว้ติดตัว
ลำพังเพียงแค่ทักษะทางด้านกีฬาอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถทำให้นักกีฬาประสบความสำเร็จได้ เพราะในการแข่งขันกีฬา “ความสามารถ” หรือ “สมรรถภาพร่างกาย” ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้มีแต้มต่อได้มากขึ้น ทั้งนี้ 6 ความสามารถอันได้แก่ ความคล่องตัว การทรงตัว การประสานสัมพันธ์ ความเร็ว พลังกล้ามเนื้อ และปฏิกิริยาตอบสนอง ล้วนเป็น “ทักษะ” ที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาให้แกร่งขึ้นกว่าเดิมได้ทั้งหมด ดังนั้นแล้ว ถ้าหากต้องการอยากเป็นนักกีฬาที่มีโอกาสคว้าแชมป์ได้มากที่สุดแล้วล่ะก็ อย่าฝึกฝนเพียงแต่แค่ทักษะด้านกีฬา แต่ต้องให้คุณค่ากับการฝึกฝนทักษะในด้านต่างๆ ของร่างกายด้วย
