ด้วยกระแสออกกำลังกายด้วยการวิ่งเพื่อสุขภาพกำลังมาแรงมากๆ ในปัจจุบัน จึงทำให้ผู้คนหันมา “อยากวิ่ง” กันเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เกิดความรู้สึก “อยากวิ่ง” แล้วจะวิ่งได้เสมอไป เพราะหากไม่มีความตั้งใจและวินัยมากพอแล้วล่ะก็ เป้าหมายการออกวิ่งก็คงเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น ซึ่งต่อจากนี้ไป คือ 5 ข้ออ้างยอดฮิต ที่ทำให้ความคิดอยากวิ่งของใครหลายๆ คน ไม่กลายเป็นความจริงสักที
1.ไม่ใช่ไม่อยากวิ่ง แต่งานมันยุ่งจริงๆเลยไม่มีเวลา
ที่สุดของข้ออ้างอันดับหนึ่งตลอดกาล ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะกับเรื่อง “วิ่ง” เท่านั้น แต่ใช้ได้กับทุกความฝันและทุกเป้าหมายในชีวิต ที่เราสามารถบอกให้ตัวเองไม่ทำสิ่งนั้นสักทีได้ ด้วยคำเพียงคำเดียวว่า “ไม่มีเวลา” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สำหรับสิ่งสำคัญในชีวิตที่เราต้องการสิ่งนั้นจริงๆ แล้วล่ะก็ เราจะสามารถจัดสรรเวลาให้กับสิ่งนั้นได้เสมอ อย่างเช่นการโดดงานไปกินบุฟเฟต์ ดูหนัง หรือลาพักร้อนไปเที่ยวทั้งที่งานยังกองรออยู่ ฯลฯ ดังนั้น ลองถามตัวเองดูจริงๆ ครับว่า เราไม่มีเวลาจะวิ่งจริงๆ หรือจริงๆ แล้วเราไม่ได้อยากวิ่งจริงๆ กันแน่
2.อากาศไม่ดีเท่าไร เอาไว้เดี๋ยวค่อยวิ่งวันหลังดีกว่า
ฝนตก แดดออก พายุเข้า ฯลฯ คืออีกหนึ่งข้ออ้างที่เรามักสร้างขึ้นมาปิดบังความรู้สึก “ไม่ตั้งใจจริง” ของตัวเราเอง เพราะฝันไม่ได้ตกทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมง แดดออกก็วิ่งในร่มได้ พายุเข้า ไม่นานเดี๋ยวก็สงบ ทุกอุปสรรคของสภาพอากาศมีจุดจบเสมอ ดังนั้น เรื่องอากาศไม่ดีแทบจะไม่ใช่เหตุผลสำคัญเลยที่ทำให้เราออกวิ่งไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วที่เราไม่ยอมออกไปวิ่งนั้น เพราะเราขี้เกียจเอง หรือไม่อยากวิ่งมากกว่า
3.วิ่งคนเดียวมันเหงา ก็เลยเอาไว้ก่อน รอเพื่อนพร้อมแล้วค่อยวิ่ง
จริงอยู่ครับที่การวิ่งคนเดียวมันเหงา แต่ถ้าเราลองได้ไปวิ่งคนเดียวจริงๆ แล้วเราจะรู้เลยว่า มันไม่ได้เหงาอย่างที่เราคิด เพราะในพื้นที่ที่เราไปวิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส สวนสาธารณะ ฯลฯ ก็จะมีผู้คนไปวิ่ง ไปออกกำลังกายเต็มไปหมด บางคนมาเดี่ยว บางคนมาคู่ และบางทีก็มีมาเป็นกลุ่ม เราจะไม่รู้สึกเหงาอย่างแน่นอน ที่สำคัญ เรายังมีโอกาสได้เพื่อนใหม่ ที่มีความสนใจเดียวกันอีกด้วย ดังนั้น อย่ากลัวที่ต้องวิ่งคนเดียว แต่ลองออกไปหาเพื่อนวิ่งดูแล้วจะรู้ว่า การวิ่งทำให้เรารู้สึกดีได้จริงๆ
4.ชุดวิ่งรองเท้าวิ่งยังไม่พร้อมเลย อย่าเพิ่งวิ่งเลยเดี๋ยวเจ็บ
ปฏิเสธไม่ได้แฟชั่นในการวิ่งหรือการออกกำลังกายนั้น มีส่วนอย่างมากที่ทำให้ใครหลายๆ คนอยากออกวิ่ง และใครอีกหลายๆ คนที่อยากวิ่งแต่ไม่กล้าวิ่ง เพราะรู้สึกอายที่ไม่ได้มีชุด ไม่ได้มีรองเท้าวิ่งดีๆ แบบคนอื่นเขา ซึ่งเอาจริงๆ แล้วนั้น ปัญหานี้จะหมดไปในทันที ถ้าเราตอบตัวเองได้อย่างชัดเจนว่า ที่เราอยากวิ่งนั้น เราอยากวิ่งเพราะอะไร เพื่อสุขภาพ หรือเพื่อวิ่งตามกระแสแฟชั่นเท่านั้น ถ้าคำตอบของเราคือเพื่อสุขภาพ ขอให้มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้สิ่งนั้นตอบแทน และจะเป็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าแฟชั่น ที่เพียงแค่ไม่กี่วันบางทีก็เปลี่ยนแปลงแล้ว จนทำให้เราเดือดร้อนเรื่องเงินได้
5.วันนี้เหนื่อยแล้วพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยหาเวลาวิ่งวันหลัง
“ความขี้เกียจ” คือ ศัตรูตัวฉกาจที่แท้จริง ที่ทำให้ความอยากวิ่งไม่กลายเป็นการกระทำสักที เราสามารถหาข้ออ้างในการไม่วิ่งได้เสมอ แต่ทั้งนี้ ถ้าการวิ่งคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ แล้วล่ะก็ ข้ออ้างทุกอย่างจะค่อยๆ หมดไป ความเหนื่อยจะทำให้เราหยุดอยากวิ่งไม่ได้ กลับกันเลย ถ้าไม่ได้วิ่ง เราจะยิ่งรู้สึกหงุดหงิดและเหนื่อยมากกว่าเดิม การวิ่งจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น สดชื่นมากขึ้น คลายเครียดได้ และนำมาซึ่งสุขภาพร่างกายจิตใจที่ดี ดังนั้น ตอบตัวเองให้ชัดเจนว่าชอบวิ่งจริงๆ ไหม ถ้าใช่ ก็อย่ามัวแต่หาข้ออ้างอะไรมาทำให้เราไม่ได้วิ่งอยู่เลย
กระแสของการวิ่งในปัจจุบันทำให้ผู้คนรู้สึก “อยากวิ่ง” ได้ก็จริงอยู่ แต่ในจำนวนคนที่อยากวิ่งทั้งหมดนั้น จะมีเพียงแค่คนจำนวนหนึ่งทำนั้นที่ “อยากวิ่งจริงๆ” และ พาตัวเองออกวิ่งเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้จริงๆ ส่วนที่เหลือก็จะค่อยๆ หายไปจากสนามวิ่งเรื่อยๆ แล้วเหลือเพียงแค่อุปกรณ์การวิ่งที่ซื้อมาทิ้งเอาไว้เป็นหลักฐานของความอยากเท่านั้น ไม่มีใครจะทำให้เรามีสุขภาพดีได้นอกจากตัวเราเองอีกแล้วครับ ดังนั้น ถ้าเป้าหมายของเราคือการวิ่งเพื่อสุขภาพ ก็คงไม่มีข้ออ้างใดๆ มาทำให้เราเหนื่อยใจและไม่ยอมออกไปวิ่งได้อย่างแน่นอน