อยากให้ลูกเป็นนักกีฬา พ่อแม่ควรปฏิบัติตัวอย่างไร

นอกจากความฝันของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นหมอ เป็นวิศวกร หรือได้ทำงานดีๆ มีอาชีพดีๆ ที่มีอนาคตแล้ว “นักกีฬา” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความฝันและความคาดหวังที่พ่อแม่มักมีไว้เป็นแนวทางให้ลูกรักเสมอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ลูกจะเติบโตขึ้นมาเป็นนักกีฬาที่ดี ประสบความสำเร็จได้นั้น พ่อแม่ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมาก ซึ่ง 9 ข้อต่อจากนี้ไป คืออุปนิสัยสำคัญตลอดจนถึงสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทราบ และควรปฏิบัติตาม ถ้าอยากให้ลูกสุดที่รักเป็นนักกีฬาได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ

1. ทำให้ลูกสัมผัสได้ถึงความรักที่มีมอบให้

พื้นฐานสำคัญของการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนที่ดี มีความสามารถนั้น แน่นอนว่าคือ “ความรัก” หากแต่บ่อยครั้ง การแสดงออกของคุณพ่อคุณแม่ ที่ตั้งใจกับลูกมากเกินไป ก็ทำให้กลายเป็นบดบังความรักที่มีต่อลูกได้ คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องเข้าใจเสมอว่า ลูกคือเด็ก ที่ยังไม่สามารถแยกแยะความซับซ้อนทางอารมณ์ได้ดีเหมือนผู้ใหญ่ ดังนั้น ในทุกการใช้ชีวิตร่วมกัน จึงจำเป็นต้องแสดงออกอย่างจริงใจ ให้ลูกเห็นว่าเรารักเขาจริงๆ หวังดีกับเขาจริงๆ บอกเหตุผลที่ชัดเจนกับเขา เพื่อให้เขาสัมผัสได้ถึงความรักที่เรามี และทำให้เขารู้สึกดีที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของเรา อย่างเข้าใจ

2. อย่าเข้มงวดเกินไป จนทำให้ลูกไม่มีความสุข

คุณพ่อคุณแม่นักกีฬาหลายคน กดดันลูกๆ จนทำให้กีฬากลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวและไม่มีความสุข ทุกการแข่งขันจะต้องชนะ จะต้องติดลำดับตามที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการ เวลาซ้อมต้องเป๊ะ ไม่มีข้อแม้ ไม่มีต่อรอง ฯลฯ กระบวนการกดดันลูกแบบนี้ จริงอยู่ที่อาจสร้างวินัยให้กับเด็กได้ แต่เราก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า หากหัวใจไร้แล้วซึ่งความสุขในการเล่นกีฬา ในการอยากทำสิ่งนั้นๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเดินไปถึงเส้นชัยแห่งความสำเร็จ ดังนั้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรเข้มงวดเกินไป ไม่ควรทำให้การแข่งขันกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่กดดันหัวใจของลูก แต่ควรทำให้การแข่งขันเป็นเรื่องน่าสนุก ท้าทาย ที่จะทำให้ลูกได้ประสบการณ์และได้ทำในสิ่งที่อยากทำอย่างเต็มที่มากกว่า

3. ถามลูกให้แน่ใจ ว่าอยากเล่นกีฬาใช่หรือไม่?

การถูกบังคับ สำหรับเด็กๆ แล้วคือความทุกข์ที่ทรมานที่สุด ในขณะเดียวกัน กับการที่ได้ทำอะไรที่อยากทำนั้น คือความสุขที่สุดที่เด็กๆ ต้องการ พ่อแม่ทุกคนต่างก็เคยเป็นเด็กมาก่อน จึงน่าจะเข้าใจดีว่า เด็กๆ จะทำอะไรสักอย่างได้ดีนั้น สิ่งสำคัญคือเขาได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำ และสนใจมันเป็นพิเศษ ดังนั้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องถามลูกให้แน่ใจว่า ชอบกีฬาประเภทไหน สนใจกีฬาใช่ไหม? เพื่อให้ลูกใช้เวลาอยู่กับกีฬานั้นได้อย่างมีความสุขที่สุด เราอาจไม่จำเป็นต้องถามให้แน่ชัดก็ได้ว่า ลูกอยากเป็นนักกีฬาไหม? เพราะถ้าเขาชอบกีฬานั้น และได้ทำ ได้ฝึกไปเรื่อยๆ แล้ว ความอยากเป็นนักกีฬา และความมุ่งมั่นตั้งใจของลูกที่มีต่อกีฬานั้นๆ จะเพิ่มพูนขึ้นเอง และกลายเป็นเป้าหมายของตัวเด็กได้เองในที่สุด

4. เวลาเป็นโค้ช ต้องไม่เป็นพ่อแม่

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการฝึกลูกๆ ของตัวเองนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง แยกบทบาทของการเป็นคุณพ่อคุณแม่ออกจากการเป็นโค้ชให้ได้อย่างเด็ดขาด แม้จะบอกว่าไม่ควรกดดันจนเกินไป แต่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเป็นโค้ชให้กับลูก ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎ ตามวินัยที่วางแผนเอาไว้ให้ได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฝึกซ้อม หรือเรื่องของโภชนาการก็แล้วแต่ เพราะหากเราเอาความเป็นพ่อเป็นแม่เข้ามามีบทบาทมากกว่าการเป็นโค้ชแล้ว ผลลัพธ์ของการฝึกฝน ก็จะไม่เห็นผลอย่างที่ต้องการ และกลายเป็นตัวเรานั้น ได้ทำร้ายหรือทำลายโอกาสของลูกบนเส้นทางนักกีฬาได้

5. อย่าเปรียบเทียบลูกเรากับลูกคนอื่น

ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรง ที่เป็นเสมือนมีดกรีดแทงใจเด็กๆ ให้ท้อถอยและหมดไฟในการเล่นกีฬา หรือการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี เพราะการถูกเปรียบเทียบนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกๆ รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเด็กคนอื่นๆ แล้ว ยังทำให้พวกเขารู้สึกว่า “พวกเขาดีไม่พอที่จะได้รับความรักจากคุณพ่อคุณแม่ตัวเอง” หรือรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ของเขารักคนอื่นมากกว่าพวกเขาด้วย ซึ่งอย่างที่บอกในข้อแรกแล้วว่า ความรัก คือสิ่งสำคัญพื้นฐานที่พ่อแม่จำเป็นต้องแสดงออกให้ลูกรู้สึกถึงได้ง่ายที่สุด ดังนั้น เมื่อเราเปรียบเทียบเขากับเด็กคนอื่นจนทำให้เขารู้สึกว่าไม่เป็นที่รัก นั่นก็เท่ากับว่า เรากำลังผลักให้เขาออกห่างไกลจากเรา และทำให้เขาหมดไฟในการจะทำในสิ่งที่เขาอยากทำไปเรื่อยๆ

6. ไปให้กำลังใจทุกครั้งไม่ว่าแข่งเล็กแข่งใหญ่

คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้เห็นคนที่รักตามไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ และคอยอยู่เคียงข้างในทุกสนามแข่งขัน หรือสนามฝึกซ้อมอีกแล้ว เพราะการที่คุณพ่อคุณแม่อยู่เคียงข้างเขานั้น จะทำให้ลูกๆ รู้สึกอุ่นใจ รู้สึกได้รับการสนับสนุน ได้รับการเอาใจใส่ดูแล รวมถึงทำให้พวกเขารู้สึกว่า การที่เขาเลือกเล่นกีฬานั้น เป็นการตัดสินใจถูก ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นแค่การซ้อมใหญ่ หรือการแข่งขันเวทีเล็กแค่ไหน การที่คุณพ่อคุณแม่อยู่ที่ขอบสนาม ให้พวกเขาได้เห็นนั้น ถือเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่ ที่จะเป็นแรงผลักดันให้ลูกๆ ก้าวต่อไปได้ไกลอย่างที่ตั้งใจไว้ในเส้นทางของอาชีพนักกีฬา

7. สนับสนุนทีมกีฬาของลูกทั้งทีม

สำหรับเด็กๆ แล้ว การที่คุณพ่อคุณแม่เข้ากับเพื่อนๆ ของเขาได้ เข้ากับโค้ชของเขาได้ และเป็นกันเองกับคนรอบข้างพวกเขา คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาสบายใจมากขึ้น กลับกันเลยหากคุณพ่อคุณแม่เข้ากับเพื่อนๆ ของเขาไม่ได้ หรือไม่ถูกกับโค้ช ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กๆ อึดอัด และรู้สึกแปลกแยก แตกต่าง ทำให้รู้สึกว่าตัวเองอาจไม่เป็นที่ยอมรับของทีม โค้ช และเพื่อนๆ จนเกิดเป็นช่องว่างที่ทำลายโอกาสในความก้าวหน้าไปในที่สุด ดังนั้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการอยากให้ลูกเป็นนักกีฬา จึงจำเป็นต้องไม่โฟกัสแค่เพียงลูกตัวเองเท่านั้น แต่ยังต้องสนับสนุนและเข้ากันให้ได้กับทั้งทีมของลูกด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งแยก และทำให้เด็กๆ คนหนึ่งคนใดรู้สึกไม่พอใจกันและกัน

8. ชนะก็ร่วมดีใจ พ่ายแพ้ก็ให้กำลังใจ

พ่อแม่หลายๆ คนเวลาที่ลูกแพ้ในการแข่งขันนั้น ทำเหมือนกับว่าตัวเองแพ้ไปด้วย ด้วยการแสดงความรู้สึกไม่พอใจและผิดหวังในตัวลูกออกไป ซึ่งลำพังเพียงแค่เด็กๆ พ่ายแพ้ผิดหวังกับการแข่งของตัวเองแล้ว เมื่อต้องมาเจอคุณพ่อคุณแม่ที่รู้สึกผิดหวังกับเขาไปด้วย หรือบางคนต่อว่า และโกรธ ตำหนิ ว่าทำไม่ดีอย่างที่ซ้อมอีก ยิ่งกลายเป็นทำให้ลูกเกิดความท้อ เสียใจ และอาจถึงขั้นหนีออกจากเส้นทางอาชีพได้ในที่สุด ทั้งนี้ สิ่งที่คุณแม่คุณพ่อควรทำ และจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุดก็คือ เรียนรู้ที่จะดีใจและให้กำลังใจไปกับลูกๆ ไม่ถือเอาเรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถือเอาว่าเราจะจับมือร่วมกันเดินต่อไป สุขทุกข์ไปด้วยกัน จนกระทั่งถึงฝั่งฝันประสบความสำเร็จ

9. วางแผนอนาคตล่วงหน้า

สำหรับคุณพ่อคุณแม่แล้ว เมื่อแน่ใจว่าลูกมีเป้าหมายในการเป็นนักกีฬา สิ่งที่เราทำได้มากที่สุดนอกจากคอยดูแลทุกอย่างแล้ว ก็คือการวางแผนอนาคตล่วงหน้าให้กับเขา ทั้งในเรื่องการจัดตารางเรียน การฝึกซ้อม และการสนับสนุนในทุกๆ ด้าน มองไปที่อนาคตของลูกว่า จะต้องเจอกับอะไรบ้างเพื่อเลือกเส้นทางนี้ แล้วก็คอยอยู่เคียงข้างเขาอย่างดีที่สุด เพื่อให้ลูกมีเส้นทางการเดินทางที่ดีที่สุด จนไปถึงจุดหมายที่เขาฝันไว้ได้ในที่สุด ทั้งนี้ หากคุณพ่อคุณแม่ไม่วางแผนให้ดี ก็อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ อย่างในเรื่องของการเรียน ที่ถึงแม้จะเป็นนักกีฬา แต่ถ้าทิ้งการเรียนไปเลย ก็อาจไม่ได้ส่งผลดีต่อลูกนักในอนาคต เพราะ เอาจริงๆ ก็ไม่มีใครมั่นใจได้แน่นอนหรอกว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร ดังนั้น จึงต้องวางแผน และทางอื่นๆ สำรองไว้ให้ดีที่สุด

คุณพ่อคุณแม่ คือบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด มีอิทธิพลต่อพวกเขามากที่สุด คำพูดเพียงคำเดียวของคุณพ่อคุณแม่ สามารถทำให้เด็กคนหนึ่งตกต่ำหรือได้ดีได้เลยทีเดียว ดังนั้น การที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้น คุณพ่อคุณแม่จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมาก แต่อย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งที่สำคัญกว่าการเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในอนาคตนั้น ก็คือ การที่ลูกของเรา ได้มีความสุขในสิ่งที่ทำ และค่อยๆ ได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่ดี มีน้ำใจนักกีฬา และมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่า เพราะอย่าลืมว่า ความสุขควรมาก่อนความสำเร็จ เพราะความสุขคือหนทางนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ และเพราะถ้าไม่มีความสุข ก็คงเป็นไปได้ยากที่จะประสบความสำเร็จนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า