ในการแข่งขันกีฬานั้น หลายคนอาจมองว่า “สภาพร่างกาย” และ “ทักษะ” คือ 2 สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะช่วยให้นักกีฬาคนหนึ่ง สามารถทำผลงานได้ดี จนกระทั่งก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้สำเร็จซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากแต่สภาพร่างกายและทักษะที่ดีนั้น จะสามารถถูกทำให้ใช้งานออกมาได้อย่างเต็มที่ที่สุด แสดงผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็ต่อเมื่อนักกีฬา “มีจิตใจที่แข็งแกร่ง” มากพอจะควบคุมสถานการณ์ และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดในการแข่งขันด้วย นั่นเองจึงเป็นที่มาว่าทำไม โค้ชจึงต้องฝึกหนัก และต้องดุดันกับนักกีฬา
บทบาทที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของโค้ชนักกีฬา คือการที่ต้องฝึกให้นักกีฬามี “จิตใจที่แข็งแกร่ง” ที่สามารถครองสติตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ตัดสินใจได้อย่างไม่ผิดพลาดในสนามการแข่งขัน เพราะเมื่อนักกีฬาถูกส่งลงไปในสนามแล้ว ไม่มีใครอีกแล้วนอกเหนือจากตัวเองที่จะสามารถช่วยได้ ดังนั้น หากนักกีฬาไม่ได้รับการฝึกมาอย่างเข้มข้นมากพอ ก็จะไม่สามารถทนต่อแรงกดดัน ความคาดหวัง และความตึงเครียดของการแข่งขันในสนามได้
ทั้งนี้ การที่โค้ชนักกีฬาจะสามารถฝึกนักกีฬาอย่างหนักให้มีจิตใจที่แข็งแกร่งได้นั้น ตัวโค้ชเองก็ต้องมีทักษะของความเป็นผู้นำ ที่สามารถเคี่ยวเข็ญให้นักกีฬาปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างเต็มใจ สามารถที่จะดุ ฝึกหนักนักกีฬาได้โดยที่นักกีฬาไม่โกรธ เพราะหากนักกีฬาไม่มีความเคารพต่อตัวโค้ชแล้ว ก็แน่นอนว่า ย่อมไม่มีทางจะได้รับการฝึกแบบที่สามารถนำไปใช้ในสนามแข่งขันได้จริงๆ
และการที่โค้ชนักกีฬาจะทำให้นักกีฬาเคารพได้ พวกเขาก็ต้อง “มีของ” มากพอที่จะทำให้นักกีฬายอมรับ ซึ่งของที่ว่านี้อาจเป็นความรู้ด้านกีฬานั้นๆ ประสบการณ์การแข่งขันที่เคยผ่านมาก่อน ใบประกาศต่างๆ ฯลฯ หรืออะไรก็ได้ที่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นว่า “โค้ช” ไม่ได้ว่างเปล่า นั่นเองจึงเป็นที่มาว่าทำไมเส้นทางของการเป็นโค้ชนักกีฬา จึงจำเป็นต้องใฝ่หาความรู้ใส่ตัวเสมอ และไม่ใช่อยู่ๆ แป๊บๆ ก็จะมาเป็นได้และประสบความสำเร็จ
“เก่งแค่ไหน ถ้าใจไม่ไหว ก็ไปไม่ถึงความสำเร็จ” ไม่ได้ใช้แต่เฉพาะนักกีฬาเท่านั้น แต่กับตัวโค้ชเองก็เช่นกัน ที่ถ้าหากอยากจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพนี้แล้ว “จิตใจจำเป็นจะต้องแข็งแกร่ง” ต้องยอมรับให้ได้ว่า จำเป็นจะต้องเอาชนะใจนักกีฬา เอาชนะใจคนที่เราต้องฝึกเขาให้ได้เสียก่อน ก่อนที่จะไปคาดหวังว่าจะทำให้นักกีฬาเป็นแชมป์ได้ ซึ่งบางที มันก็ยากกว่าการฝึกนักกีฬาให้เป็นแชมป์ด้วยซ้ำ ดังนั้น อย่าคิดแต่ว่าตัวเองเก่งอย่างเดียว หรือคิดแต่ว่าตัวเองมีใบเซอร์การันตีเยอะอย่างเดียว แต่คนที่จะเป็นโค้ช ต้องมีหัวใจที่เข้มแข็งมากพอที่จะพยายามเอาชนะใจ เอาชนะอคติ เอาชนะกำแพงต่างๆ ที่นักกีฬา และทีมกีฬามักจะสร้างมาขวางกั้นการเติบโตก้าวหน้าในอาชีพให้ได้ด้วย
บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราเห็นนักกีฬาเก่งๆ ไปไม่ถึงแชมป์ เพราะใจไม่แข็งพอที่จะทนต่อแรงกดดันในสนามได้ ทนต่อปัญหาต่างๆ ในการฝึกซ้อม ในการทำงานร่วมกันกับทีมกีฬา และทนต่อการพ่ายแพ้ไม่ได้ จนกลายเป็นดับอนาคตตัวเองไป และในขณะเดียวกัน กับโค้ชที่มีฝีมือ แต่พอต้องไปอยู่กับทีมกีฬาที่เข้มข้น ก็ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับทีมนั้นๆ ได้ และใจไม่แกร่งพอจะทำให้ทุกคนยอมรับได้ จนสุดท้ายก็ล้มเหลวบนเส้นทางอาชีพในที่สุด ความจริงเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่า “บนเส้นทางวงการกีฬา” นั้น “ความเก่ง ทักษะพรสวรรค์ ความรู้ความสามารถ สภาพร่างกายที่สมบูรณ์แบบ” ไม่เพียงพอต่อการทำให้ประสบความสำเร็จได้ ตราบเท่าที่หัวใจของเรา ยังไม่แข็งแกร่งและเข้มแข็งมากพอ