อุปสรรคชิ้นใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของนักกีฬาที่ต้องการพัฒนาศักยภาพร่ากายตัวเอง หรือคนที่รักสุขภาพ ต้องการสร้างรูปร่างในฝัน ต้องการลดน้ำหนัก ก็คือ การพยายามซ้อมอย่างหนักแล้ว แต่ก็ยังไปไม่ถึงเส้นชัยยังไปไม่ถึงเป้าหมายสักที ซึ่งครั้งเดียวนั้นก็ไม่เท่าไร แต่ถ้าการพยายามหลายครั้ง เนิ่นนานแล้วยังไม่เห็นผล ก็อาจสร้างความผิดหวังและหมดไฟจนยกธงขาวยอมแพ้ได้ ซึ่งสำหรับคนที่อยากจะบรรลุเป้าหมาย สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ ต้องก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้จนเห็นผลลัพธ์ ถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ โดยแนวทางในการจัดการตัวเองเมื่อซ้อมเท่าไรก็ยังไม่เห็นผลนั้น มีหลักง่ายๆ ดังต่อไปนี้
1. มองหาสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นให้เจอ
จริงอยู่ว่าเราจะไปไม่ถึงเป้าที่ตั้งใจไว้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอะไรคืบหน้าได้เลย เพราะเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่หากเราพยายามแล้ว มันจะไม่มีผลลัพธ์อะไรเกิดขึ้น เพียงแต่บางทีผลลัพธ์ของมันก็ค่อยๆ เกิดขึ้นแบบเล็กๆ และกำลังสะสมรอคอยเวลาอยู่ต่างหาก ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องมองหาสิ่งดีๆ มองให้เห็นความสำเร็จเล็กๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการฝึกซ้อมของเราให้เจอ เพราะมันคือกำลังใจที่จะช่วยบอกเราได้ว่า ไม่ใช่เราทำไม่ได้นะ แต่มันกำลังค่อยๆ ก้าวไปทีละนิด ก่อนจะถึงเป้าหมายใหญ่เท่านั้นเอง ถ้าเป้าหมายของเราคือ วิ่งเร็วขึ้น 10 วินาที ถ้าซ้อมไปครึ่งปีแล้วเราวิ่งเร็วขึ้นได้ 3 วินาที นั่นไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลว เพราะเราวิ่งเร็วขึ้นกว่าตอนแรกเริ่มแล้ว เราควรดีใจกับการพัฒนาของเรา และเชื่อมั่นว่าถ้าเราซ้อมต่อไป เราจะวิ่งเร็วขึ้นได้ 10 วินาทีอย่างที่ตั้งเป้าไว้แน่นอน
2. ซื่อสัตย์กับตัวเอง
การจะไปถึงเส้นชัยได้ เราต้องยอมรับข้อบกพร่องของตัวเองให้ได้ด้วย เพราะการที่เราไปไม่ถึงเส้นชัย ส่วนหนึ่งก็อาจมาจากเรายังรักษาวินัยในการฝึกซ้อมของเราได้ไม่ดีพอ ซึ่งสิ่งสำคัญคือเราต้องหาให้เจอ และยอมรับว่า เรายังพยายามไม่เต็มที่ โดยที่ต้องไม่โทษตัวเอง แต่เป็นการวิเคราะห์ตัวเองให้เห็นเหตุผลว่า “เพราะเราทำแบบนี้ เราจึงไปได้แค่นี้” และถ้า “เราพยายามมากกว่านี้ เราก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่านี้” ไม่มีประโยชน์เลยที่จะโทษว่าตัวเองไม่เอาไหน ตำหนิตัวเองว่าห่วย คงดีไม่พอ คงไม่มีวันที่จะไปถึงเป้าหมาย เพราะในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแกร่ง แข็งแรง และมีศักยภาพมากขึ้นกว่าเดิมได้ ถ้าได้รับการฝึกอย่างมีวินัยมากพอ ดังนั้น ซื่อสัตย์กับตัวเอง มองหาจุดบกพร่องให้เจอ ยอมรับ ทำความเข้าใจ และค่อยๆ ปรับปรุงก้าวต่อไปเรื่อยๆ อย่าสิ้นหวัง
3. ตั้งเป้าอย่างสร้างสรรค์ แต่ไม่ใช่หวังฝันที่เป็นไปไม่ได้
บ่อยครั้งการที่เราไปถึงเป้าหมายไม่ได้สักทีจนทำให้ตัวเองท้อนั้น ก็อาจเป็นเพราะเราตั้งเป้าที่ “สูงเกินไป” ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีทางทำมันได้ แต่บางทีกำหนดเวลาหรือ Dead Line ของเรามันก็ไม่ได้เอื้อให้สามารถทำได้ทันใจอย่างที่เราต้องการ เช่น ลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัมใน 1 เดือน ลงวิ่งมาราธอนให้ได้ภายใน 3 เดือน ฯลฯ เป้าหมายเหล่านี้ปลายทางนั้นสามารถเป็นไปได้ แต่ระยะเวลาที่กำหนดก็อาจไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ ดังนั้น บางทีเราก็ต้องกลับมาทบทวนดูเป้าที่เราตั้งไว้ด้วยว่า “สมเหตุสมผลมากแค่ไหน” คือควรตั้งให้ท้าทาย ให้ได้ใช้แรงพยายามเข้าไว้ แต่อย่าตั้งสูงเกินเอื้อมเกินไป เพราะมันจะทำให้เราท้อและยอมแพ้ได้ง่ายมากขึ้น แทนที่จะทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จอย่างที่ต้องการ
4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ที่เคยผ่านความสำเร็จมาแล้ว
ไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การได้เรียนรู้จากคนสำเร็จอีกแล้ว เพราะบนเส้นทางที่เราอยากไปให้ถึงนั้น ล้วนมีคนที่เคยทำสำเร็จมาก่อน และแน่นอนว่า พวกเขาต่างก็เคยต้องผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากแบบที่เราต้องเจออยู่มาด้วยเหมือนกัน การได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือการมีโค้ช มีเทรนเนอร์ จะทำให้เราได้รู้จุดบกพร่องของเรามากขึ้น รู้ข้อดีของตัวเราเอง รู้สิ่งที่เรายังขาด และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ก้าวต่อไปได้จนกระทั่งถึงเป้าหมาย ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยที่เราจะปรึกษาผู้รู้ และก็ไม่ใช่เรื่องที่สิ้นเปลืองอะไรเลยถ้าหากเราจะต้องลงทุนเรียนรู้อะไรสักอย่าง เพื่อสิ่งที่เราต้องการ ถ้าหากปลายทางของการฝึกซ้อม การบรรลุเป้าหมายนั้นเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิตเราจริงๆ ล่ะก็ ทุ่มเทเพื่อไปให้ถึงมันให้ได้ เรียนรู้ เสาะแสวงหาหนทางอื่นๆ ดูให้เต็มที่ ก่อนที่จะยอมแพ้ ไม่เช่นนั้นล่ะก็ บางทีที่เราไปไม่ถึงเส้นชัย ก็อาจเป็นเพราะมันอาจไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญในชีวิตเราจริงๆ ก็เป็นได้
ระหว่างการเดินทางไปสู่ความสำเร็จ ระหว่างการฝึกซ้อม และการพยายามพัฒนาศักยภาพร่างกายของตัวเองนั้น เป็นเรื่องปกติมากๆ ที่เราจะต้องเจอกับอุปสรรค และความผิดหวัง แต่หากเรายังคงตั้งใจมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ล่ะก็ เราก็จะยังคงรู้สึกได้อย่างแน่นอนว่าเราก้าวไปข้างหน้าเสมอ แม้มันจะเป็นก้าวเล็กๆ สั้นๆ ทีละนิดก็ตาม บางทีสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เราพัฒนาศักยภาพร่างกายตัวเองให้เหนือขีดจำกัดได้ อาจไม่ได้หมายถึงการที่เราบรรลุเป้าหมายได้เร็วทันใจ แต่อาจหมายถึงการที่เราเอาชนะใจตัวเองให้ก้าวต่อไปได้เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเส้นชัยต่างหาก เพราะในโลกของการกีฬาและการแข่งขัน หรือโลกของการสร้างสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์นั้น ความเร็วไม่ไช่สิ่งสำคัญ แต่หัวใจสำคัญคือความมุ่งมั่นที่มีวินัยต่อเนื่องอย่างไม่คิดยอมแพ้…ต่างหาก