สำหรับคนที่เลือกเดินบนเส้นทางสายนักกีฬาแล้ว เป้าหมายสูงสุดของทุกคนนั้นก็คงหนีไม่พ้น “ตำแหน่งแชมป์” ไม่ระดับใดก็ระดับหนึ่ง ซึ่งการจะก้าวไปจนถึงจุดสูงสุดนั้นได้นั้น ก็ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆด้านเป็นองค์ประกอบ ซึ่งแน่นอนว่าแม้ “ทักษะ” หรือ “พรสวรรค์” อาจเป็นคำตอบที่หลายๆ คนให้ความสำคัญมากที่สุดก็จริง แต่สิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไปเลยไม่ได้นั่นก็คือ “นิสัย” เพราะต่อให้เก่งกาจมีพรสวรรค์มากเพียงใด แต่ทว่าไม่มีนิสัยที่เหมาะสมกับการจะเป็นแชมป์ล่ะก็ ยังไงๆ ก็คงไปถึงฝันได้ยาก และต่อจากนี้ไป คือสิ่งที่ “นักกีฬา” ทุกคนควรทำเป็นประจำจนให้กลายเป็นนิสัย ถ้าปรารถนาที่จะเข้าใกล้ความสำเร็จในฐานะแชมป์เปี้ยนให้ได้สักครั้งในชีวิต
1. ฝึกเพื่อทำลายสถิติของตัวเอง
ในการฝึกซ้อมของนักกีฬามืออาชีพ ที่มีเป้าหมายในการจะเป็นแชมป์ให้ได้นั้น พวกเขาฝึกเพื่อเป้าหมายระยะสั้นคือ “การทำลายสถิติของตัวเองไปเรื่อยๆ” เพราะทุกคนต่างรู้ดีกว่า “แชมป์นั้นทำสถิติไว้ได้อยู่ในระดับไหน” และทางเดียวที่จะทำให้ตัวเองเทียบเคียงแชมป์ และมีโอกาสชนะแชมป์ได้ อย่างน้อยที่สุดเลยก็คือ จำเป็นต้องฝึกให้ตัวเองทำสถิติให้ได้ดีเทียบเท่ากับที่แชมป์ทำได้ ต้องวิ่งเร็วเท่าแชมป์ ทำสกอร์ได้เท่าแชมป์ เคลื่อนไหวคล่องแคล่วให้ได้เท่าแชมป์ มีพละกำลังให้ได้เท่าแชมป์ ฯลฯ การฝึกซ้อมของคนที่อยากจะเป็นแชมป์ คือการให้ความสำคัญกับ “การทำลายสถิติตัวเองไปทีละขั้น” พัฒนาขีดจำกัดของศักยภาพร่างกายตัวเองไปทีละ Step จนสุดท้ายก็ทำลายสถิติของแชมป์ลงให้ได้ในที่สุด ซึ่งเมื่อทำได้เมื่อไร เมื่อนั้นก็จะมีโอกาสคว้าแชมป์ได้มากที่สุด
2. ควบคุมโภชนาการอย่างเคร่งครัด
ร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม ไม่อาจสร้างได้ด้วยเพียงแค่อาศัยการออกกำลังกายและฝึกซ้อมเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการรับประทานอาหารที่ช่วยส่งเสริมความสมูรณ์ด้วย คนที่ปรารถนาอยากมีรูปร่างที่ดีหลายต่อหลายคน ไม่สามารถไปถึงฝั่งฝันได้สักที แม้จะฝึกซ้อม ออกกำลังอย่างหนัก อย่างเคร่งครัด ก็เพราะพวกเขาละเลยที่จะให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมนั่นเอง ดังนั้น ถ้าอยากจะเป็นแชมป์ให้ได้จริงๆ เราต้องไม่ใช่แค่ใส่ใจในเรื่องของการฝึกซ้อม แต่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของโภชนาการอย่างเคร่งครัดด้วย เพราะไม่มีนักกีฬาระดับแชมป์ ระดับโลกคนใดที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่ถ้าไม่ใส่ใจเรื่องโภชนาการ ตัวอย่างที่เราเคยได้ยินกันมาเลยก็อย่างเช่น “โด้อ้วน” ฉายาของโรนัลโด้ ตำนานกองหน้าทีมชาติบราซิล ที่สกิลความสามารถนั้นเป็นที่ยอมรับว่าสุดยอดจริง แต่เพราะการไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของโภชนาการที่สอดคล้องกับการฝึกซ้อม จึงทำให้เขา “อ้วน” และไม่อาจประสบความสำเร็จได้ยาวนานมากพออย่างที่ควรจะเป็น
3. ทำทุกวิถีทางให้ไกลห่างจากการบาดเจ็บ
อาการบาดเจ็บคือ “หายนะ” ของนักกีฬาอย่างแท้จริง เพราะเมื่อเจ็บ 1 ครั้ง วินัยในการฝึกซ้อมจะหายไปทันที และหากเป็นการบาดเจ็บนานๆ บางทีก็อาจทำให้ไม่สามารถกลับมาฟิตร่างกายได้เหมือนเดิม ฟอร์มที่เคยดีอยู่ ก็อาจจะกลายเป็นแย่ไปในนพริบตา และโอกาสในการเจ็บเรื้อรัง เจ็บบ่อยๆ ก็จะมีมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้ว เมื่อสภาพร่างกายไม่พร้อม ก็เป็นไปได้ยากที่จะประสบความสำเร็จ ก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ ดังนั้น สำหรับความปรารถนาที่จะเป็นแชมป์ให้ได้นั้น สิ่งสำคัญจึงต้องดูแลตัวเองให้ดี ตระหนักเอาไว้เสมอว่า อย่าเจ็บเป็นอันขาด ไม่ว่าจะในการแข่งขัน ในการฝึกซ้อม แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าให้กลัวเจ็บจนไม่เต็มที่ แต่เราต้องเตรียมความพร้อมตัวเองให้ดี ฝึกซ้อมอย่างถูกต้อง เคลื่อนไหวท่าทางอย่างถูกต้อง และเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู ร่างกายอยู่เสมอ เพื่อลดโอกาสในการบาดเจ็บให้ได้มากที่สุด ซึ่งกับการเข้ารับการฟื้นฟู บำบัดโดยนักกายภาพบำบัดนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องรอแค่เฉพาะตอนบาดเจ็บ แต่ทำให้เสมอ ตลอดเวลา เพื่อเป็นการรักษาสภาพความสมบูรณ์ของร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ
4. ซ้อมหนักแต่ต้องไม่หักโหมจนเกินไป
การซ้อมหนักเป็นสิ่งที่จะรีดเค้นเอาผลลัพธ์ของศักยภาพร่างกายที่เหนือขีดจำกัดออกมาได้มากที่สุด ซึ่งยิ่งนักกีฬาก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ต่อเนื่องแค่ไหน ก็ยิ่งไปได้ไกล และมีโอกาสไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้มากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการซ้อมหนักก็เป็นดาบ 2 คม ที่หากไม่วางโปรแกรมอย่างเหมาะสม ก็จะกลายเป็นหักโหมเกินไปจนก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้ และเมื่อบาดเจ็บ นั่นก็เท่ากับว่า โอกาสในการประสบความสำเร็จก็จะลดน้อยลงทันที ดังนั้น อย่าหักโหมเกินตัว อย่าซ้อมจนนอนไม่พอ อย่าซ้อมแบบฝืนตัวเอง อย่าคิดเอาเวลาพักผ่อนไปซ้อม เพราะแท้จริงแล้ว นักกีฬาระดับโลกที่ว่าซ้อมหนักเพียงใด พวกเขาก็ยังให้ความสำคัญกับการพักผ่อน และการนอนหลับเสมอ โดยในแต่ละวันนั้น ต้องนอนไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง เพราะการซ้อมหนักไม่ได้หมายถึงว่าต้องช้อมเป็นเวลานานๆ เท่านั้น แต่ไปหนักในความเข้มข้นของการซ้อมต่างหาก
5. แพ้กี่ครั้งก็ยังไม่ยอมแพ้
ปัจจัยสำคัญสุดท้าย คือ ต้องไม่ยอมแพ้พ่าย แม้จะพ่ายแพ้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เพราะคนที่จะเป็นแชมป์ได้นั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่คนที่ไม่เคยแพ้ แต่พวกเขาคือคนที่ไม่เคยยอมแพ้ และกลับลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกครั้งต่างหาก เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราถอดใจยอมแพ้ ต่อให้ร่างกายเรายังแข็งแกร่ง ยังฟิต ยังสามารถพัฒนาให้เก่งได้กว่านี้ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเราไม่ได้ก้าวไปต่อ ดังนั้น ไม่ว่าจะแพ้กี่ครั้ง ก็ต้องลุกขึ้นสู้ใหม่ จนกว่าศักยภาพร่างกายจะไม่ไหว แล้วเราจะมีโอกาสไปถึงเส้นชัยที่ตำแหน่งแชมป์ได้มากขึ้น
หากปราศจากซึ่ง “นิสัย” ที่เหมาะสม คนเราก็จะขาด “วินัย” ที่ทำให้เกิด “การกระทำที่มีประสิทธิภาพ” จนไม่อาจไปถึงความสำเร็จได้ในที่สุด ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้ว “นิสัย” จึงเป็นสิ่งที่อาจสำคัญกว่า “ทักษะ” หรือ “พรสวรรค์” ด้วยซ้ำไป เพราะถึงไร้พรสวรรค์ แต่ถ้ามีนิสัยที่ขยัน ก็จะสามารถพัฒนาทักษะที่มีให้ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศได้ และประสบความสำเร็จได้ในที่สุดนั่นเอง