เชื่อว่าสำหรับในวงการกีฬา วงการฟิตเนสแล้ว คำว่า Speed กับ Agility นั้น เป็นหนึ่งใน 2 คำศัพท์ที่เรามักเห็นกันบ่อยมากที่สุด ซึ่งสำหรับรุ่นเก๋าก็คงไม่สงสัยอะไรอะไรเท่าไร แต่ถ้าเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกใหม่ๆ ก็อาจจะสงสัยว่าเจ้า Speed กับ Agility นั้น มันต่างกันอย่างไร และเราควรฝึกอะไรเป็นหลักสำคัญกันแน่ วันนี้เพื่อให้เพื่อนๆ ที่ยังไม่คุ้นกับคำศัพท์ 2 ตัวนี้เข้าใจมากขึ้น และทำให้การฝึกของทุกคนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราจึงจะพาไปไขความแตกต่างของ Speed กับ Agility กันครับ
สำหรับคำว่า Speed นั้น เชื่อว่าหลายคนอาจไม่สงสัยอะไรมาก เพราะแปลง่าย และเข้าใจง่ายๆ แบบตรงตัวเลยว่าคือ “ความเร็ว” แต่กับเจ้า Agility นี่สิที่อาจไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร ทั้งนี้ถ้าใครที่เคยเล่นเกมส์เก็บเลวลแนว RPG ล่ะก็ น่าจะคุ้นเคยกับค่าความสามารถของตัวละครที่เรียกย่อๆ กันว่า AGI อยู่บ้าง ซึ่งถ้าเราอัพค่านี้มากๆ ก็จะทำให้เรา “หลบหลีก” สัตว์ประหลาดได้มากขึ้น ซึ่งก็ในทำนองเดียวกันเลยครับ เพราะความหมายของ AGI หรือ Agility นั้น หมายถึง “ความคล่องแคล่ว” ที่ถ้าเรามีมากเท่าไร ก็จะยิ่งเคลื่อนไหว และหลบหลีกได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น
พอเข้าใจความหมายตรงนี้แล้วหลายคนก็อาจสงสัยว่า แล้วเราควรฝึก Speed หรือ Agility ดีล่ะ? หรือว่าควรจะต้องฝึกทั้ง 2 อย่างเลย คำตอบนี้จริงๆ แล้วถ้ามีทั้ง 2 อย่างได้ก็ดีมากเลยครับ แต่ถ้าจะให้ตอบแบบเจาะจงลงไปอีกหน่อย ก็ต้องดูว่า “เราเป็นนักกีฬาประเภทไหน?” เพราะในแต่ละชนิดกีฬานั้น ก็จะใช้ Speed และ Agility มากน้อยต่างกัน เช่นถ้าเป็นนักวิ่งระยะสั้น สิ่งที่ต้องฝึกเน้นๆ เลยก็คือ Speed ครับ เพราะความเร็วเป็นต่อมากที่สุดอย่างแน่นอนสำหรับการวิ่งทางสั้น แต่ถ้าในกรณีที่เราเป็นนักฟุตบอล เป็นนักบาส อันนี้ถามว่า Speed สำคัญไหม ก็ตอบว่าสำคัญมาก แต่ถ้าไม่มี Agility เลย เราลำบากแน่ครับ เพราะเราจะเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องเลย จะไม่เร็วจริงๆ แน่ๆ เพราะการเล่นบอลเล่นบาส เราไม่ได้เคลื่อนที่ทางตรงอย่างเดียว แต่เราต้องวิ่งหลบหลีก ซิกแซ็ก ไปกับบอลด้วยอีกต่างหาก ดังนั้น Agility หรือความคล่องแคล่วจึงสำคัญไม่แพ้กันเลยกับ Speed ซึ่งพอเห็นภาพแบบนี้แล้ว การจะตอบว่าควรเน้นฝึก Speed หรือ Agility มากกว่ากันดีนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า รูปแบบในการใช้ร่างกายของเรากับกีฬานั้นๆ เน้นอะไรเป็นสำคัญนั่นเอง
ต่อมาถ้าพูดถึงในเรื่องการฝึก สำหรับการฝึก Speed นั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก คือเราสามารถใช้การฝึกแนว Cardio หนักๆ ได้เลย เพื่อให้ร่างกายอึดขึ้น จนวิ่งได้แบบที่ความเร็วไม่ตกลง และอีกอย่างที่ควรฝึกแบบเน้นๆ เลยก็คือการฝึกวิ่งนั่นแหละครับ รวมถึงฝึก Drills ให้หนักๆ ด้วย เพื่อให้ฟอร์มการวิ่งของเราสมบูรณ์แบบมากขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อขาในส่วนที่ใช้วิ่งมีความแข็งแรง ซึ่งก็จะส่งผลทำให้สามารถวิ่งได้เร็วขึ้นนั่นเอง ส่วนในฝั่งของด้านการฝึก Agility นั้น ก็สามารถทำได้โดยการฝึกวิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ด้วยการตั้งกรวยแล้ววิ่ง หรือ การใช้ Ladder Drill เข้ามาช่วยให้เราใช้ขาในการเคลื่อนไหวให้คล่องมากยิ่งขึ้น เป็นต้น ทั้งนี้ในการฝึกความคล่องแคล่วนั้น ในภาพรวมก็คือการฝึกความเร็วที่ต้องอาศัยการฝึกปฏิกิริยาตอบสนองร่วมด้วยนั่นเอง คือเป็นการฝึกใช้ร่างกายแบบหลายสเต็ป เคลื่อนที่หลายทิศทาง กลับไป กลับมา แบบกะทันหัน เพิ่มเพิ่มความคล่องตัวให้มีมากขึ้น
“ความเร็ว” และ “ความคล่องแคล่ว” ถือได้ว่าควรเป็นสิ่งที่มาควบคู่กัน เพราะสำหรับนักกีฬาแล้วการมีเพียงแค่ความเร็วอย่างเดียวนั้น ถือว่ายังไม่พอที่จะทำให้เราใช้ร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น สำหรับการฝึกเพื่อให้ได้ Performance ที่ดีขึ้น จึงจำเป็นต้องวางโปรแกรมในการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มทั้งความเร็ว และความคล่องแคล่วให้เหมาะสมไปด้วยกัน โดยจะเน้นอะไรเป็นพิเศษนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่ากีฬาที่เราเล่น หรือกิจกรรมที่เราต้องใช้ร่างกายนั้น ใช้ Speed หรือ Agility มากกว่ากันนั่นเอง