สำหรับนักกีฬาทุกคนแล้ว การยกระดับศักยภาพร่างกายของตัวเองให้ดีขึ้นได้ไปจนถึงจุดสูงสุดนั้น ถือว่าคือที่สุดของสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อร่างกายข้ามขีดจำกัดแต่เดิมไปได้ ก็หมายความว่า จะมีโอกาสก้าวไปคว้าชัยชนะได้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการยกระดับศักยภาพร่ากายดังกล่าวนี้นี้ ก็นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโค้ชทุกคนด้วยเช่นกัน เพราะการที่โค้ชสามารถฝึกนักกีฬาให้ก้าวไปถึงการมี Peak Performance ได้นั้น ก็เท่ากับว่าเราประสบความสำเร็จในอาชีพไปแล้วขั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การจะฝึกให้ร่างกายนักกีฬาคว้า Peak Performance มาครองได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ โดยต้องเข้าใจหลักการดังต่อไปนี้
ต้องเข้าใจว่าอะไรคือองค์ประกอบของ Peak Performance?
Peak Performance คือ สภาวะร่างกายที่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างดีที่สุด หรือเรียกง่ายๆ เป็นภาษาชาวบ้านก็ประมาณ TOP FORM ที่ไม่ว่าจะวิ่ง กระโดด เคลื่อนไหว จะทำอะไรในการเล่นกีฬา ก็สามารถทำออกมาได้ดี ถึงขั้นดีกว่าที่เคยทำได้มาก่อน ซึ่งกับการจะทำให้ร่างกายบรรลุผลลัพธ์ที่จุด Peak Performance ได้นั้น นักกีฬาจะต้องมีโปรแกรมการฝึกซ้อมตลอดปี
ซึ่งจะต้องเป็นโปรแกรมที่เสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายที่ดีในทุกๆ ด้าน อันได้แก่ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความทนทานของกล้ามเนื้อ ความอ่อนตัว ความแข็งแรงของระบบการทำงานของหัวใจ ปอด และหลอดเลือด เป็นโปรแกรมที่ทำให้นักกีฬามีสัดส่วนของร่างกายที่เหมาะสมกับชนิดกีฬานั้นๆ เป็นโปรแกรมที่วางแผนโภชนาการที่เหมาะสมเพียงพอต่อการให้พลังงานและบำรุงซ่อมแซมร่างกาย และเป็นโปรแกรมการฝึกซ้อมที่เข้าใจลักษณะพิเศษ หรือจุดเด่นของนักกีฬาแต่ละบุคคลด้วยว่าแข็งด้านไหน อ่อนจุดไหน เพื่อพัฒนาให้จุดอ่อนหมดไป และเสริมจุดเก่งให้พุ่งทะยานไปได้อย่างก้าวกระโดดสูงสุด
ต้องเข้าใจว่า Peak Performance เป็นสิ่งที่ต้องรักษาเอาไว้ด้วย
หัวใจสำคัญจริงๆ ของการฝึกเพื่อ Peak Performance นั้น ไม่ใช่แค่ “ไปให้ถึง” แต่เมื่อไปถึงแล้ว “จะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ด้วย” เพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าในขณะฝึกซ้อมร่างกายทำ Peak Performance ได้จริง แต่พอถึงเวลาลงแข่งจริง กลับไม่สามารถแสดงศักยภาพของ Peak Performance ที่แท้จริงนั้นออกมาได้ หรือ แสดง Peak Performance ออกมาได้เพียงแค่การแข่งขันรายการเดียว ไม่ต่อเนื่องสม่ำเสมอจนไม่อาจพาตัวเองก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้
ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของการรักษา Peak Performance เอาไว้ให้ได้ตลอดไปนั้นก็คือ “ร่างกายต้องได้รับการฝึกซ้อมเป็นประจำ” และยังต้องเป็นการฝึกซ้อมที่ออกแรงมากกว่าปกติที่ใช้ประจำในชีวิตประจำวันธรรมดาด้วย เพราะสมรรถภาพร่างกาย เพราะ Performance จะเกิดไม่ได้เลยถ้าเราไม่เคลื่อนไหว และการเคลื่อนไหวแบบปกติธรรมดา ก็ไม่สามารถทำได้เรามี Performance ที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ นั่นเองจึงเป็นที่มาว่าทำไมนักกีฬาจึงต้องมีโปรแกรมฝึกซ้อมตลอดปี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันคือต้อง “ตลอดไป” ด้วย ตราบที่ยังอยู่ในสายอาชีพนี้ เพื่อไม่ให้ Performance ที่ฝึกมา มลายหายไป โดยถ้าใครนึกภาพไม่ออกว่ามันจะหายไปได้จริงหรอ ก็ให้นึกถึงคนที่เคยมีกล้ามแล้วไม่ออกกำลังกาย แล้วใช้ชีวิตแบบไม่มีโปรแกรมฝึกซ้อม นั่นแหละครับ ที่สุดท้ายก็กลายเป็นอ้วน ลงพุง น้ำหนักเกินไปในที่สุด
ด้วยหลักการของการสร้างสมรรถภาพร่างกายที่ดีที่สุดนี้เอง ทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนเลยครับว่า “ความมีวินัย” คือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จอย่างแท้จริง เพราะการที่เราจะไปถึง Peak Performance ได้นั้น จะต้องอาศัยการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ แบบ “หยุดไม่ได้” และไม่ใช่เพียงแค่การฝึกซ้อมธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ยังต้องเป็นการฝึกซ้อมที่ “ถูกต้อง” ที่เข้าใจหลักการของวิทยาศาสตร์การกีฬากับสภาพร่างกายด้วย เพื่อให้สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นเอง สำหรับนักกีฬาทั้งหลาย เหล่าโค้ชทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งคนรักสุขภาพที่มีเป้าหมายทั้งหลาย จึงจำเป็นต้องใส่ใจกับเรื่องของวินัยและพื้นฐานในการฝึกซ้อมให้ดี ไม่เช่นนั้นแล้ว ความฝันที่มีที่จะไปให้ถึง Performance ที่ต้องการนั้น ก็คงเป็นเรื่องยากมากๆ เลยทีเดียว
