เชื่อว่าหลายๆ คนคงตระหนักได้ดีอยู่แล้ว ว่าต่อให้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ ถูกต้อง และมีวินัยแค่ไหน แต่ถ้าวินัยในการทานอาหารของเรายังไม่ถูกแก้ไข ยังทานทุกอย่างตามใจอยู่ตลอดเวลานั้น ผลลัพธ์ที่หวังไว้จากการฝึกซ้อมออกกำลังกาย ก็คงไม่ปรากฏให้เห็นให้ชื่นใจแน่ๆ แต่ครั้นจะให้ออกแบบโภชนาการตัวเองที่ให้ได้ผลนั้น ก็ดูจะเป็นเรื่องซับซ้อนและยุ่งยากจนบางทีก็น่าเหนื่อยน่าท้อใจกว่าการออกกำลังกายซะอีก ดังนั้นวันนี้ เราเลยมีแนวทางในการ “ควบคุม” โภชนาการดีๆ มากฝากกันครับ โดยเป็นหลักการคร่าวๆ ง่ายๆ ที่ช่วยให้เราจัดมื้ออาหารได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับการฝึกซ้อมของเรา ซึ่งมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ในกรณีออกกำลังกายเบาๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมาก แนวทางในการทานอาหารนั้น เราควรทาน ผักหลากสี ½ จาน โปรตีนคุณภาพดี ¼ จาน และ คาร์โบไฮเดรตคุณภาพ ¼ จาน
ในกรณีออกกำลังกายระดับปานกลาง หรือง่ายๆ คือออกแบบตั้งใจมีเป้าหมาย แนวทางในการทานอาหารนั้น เราควรทาน ผักหลากสี โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตคุณภาพในปริมาณพอๆ กันคือ 1 ใน 3 ส่วน
และในกรณีที่ระดับการออกกำลังกายของเราอยู่ในช่วงของการสร้างกล้ามเนื้อ แนวทางในการทานอาหารนั้น เราควรทาน คาร์โบไฮเดรตคุณภาพ ½ จาน โปรตีนคุณภาพ ¼ จาน และผักหลากสี ¼ จาน
ทั้งนี้ จากแนวทางในการควบคุมโภชนาการข้างต้น อาจมีบางคนสงสัยว่า เอ๊ะ ทำไมในช่วงของการสร้างกล้ามเนื้อ จึงเน้นคาร์โบไฮเดรต มากกว่าโปรตีนล่ะ ประเด็นนี้เป็นเพราะในความเป็นจริงแล้ว หากเราออกกำลังกายอย่างหนัก แต่ร่างกายได้รับแคลอรี่หรือทานคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอต่อความต้องการพลังงาน จะส่งผลเสียได้มากกว่าผลดี โดยจุดสำคัญก็คือคาร์โบไฮเดรตเป็นตัวช่วยคืนค่าไกลโคเจนให้กับกล้ามเนื้อให้ร่างกายเราฟื้นตัวฟื้นพลังได้นั่นเอง นอกจากนั้นแล้ว สำหรับการออกกำลังกายที่ดีที่สุด หลังเสร็จกิจกรรมฝึกซ้อม ก็ควรทานอาหารหรือของว่างที่เป็นโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตด้วย ซึ่งถ้าต้องการให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด ควรทานภายใน 2 ชั่วโมงหลังออกกำลังกาย
สุดท้ายนี้สำหรับคนที่อาจจะยังสงสัยว่า แล้วโปรตีนคุณภาพ คาร์โบไฮเดรตคุณภาพนั้น มันคืออะไรบ้างล่ะ คำตอบก็คือ สำหรับโปรตีนคุณภาพนั้น ก็ได้แก่ ไก่ ปลา และพืชตระกูลถั่ว ส่วนคาร์โบไฮเดรตคุณภาพ ก็ได้แก่ มันเทศ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เป็นต้น ซึ่งอย่างที่บอกครับว่า นี่คือแนวทางในการควบคุมโภชนาการคร่าวๆ ที่ไม่ได้เจาะลึกแบบเฉพาะบุคคล มันจึงอาจไม่ได้ทำให้เห็นผลแบบชัดเจนมากนัก แต่ถ้าเราสามารถควบคุมได้ตามนี้ล่ะก็ อย่างน้อยที่สุดก็จะทำให้เห็นผลลัพธ์ของการฝึกซ้อมได้ดีกว่าการ “ไม่ควบคุมพฤติกรรมการกิน” ของเราเลยอย่างแน่นอน