นักกีฬาทุกคนนั้น มีโอกาสเป็นแชมป์ได้เหมือนกันหมด แต่ก็ไม่เท่ากันทั้งหมด เพราะปัจจัยในการทำให้นักกีฬาคนหนึ่งก้าวไปถึงจุดสูงสุดเหนือคนอื่นได้นั้น มันมีมากมายหลายมิติ ทั้งเรื่องของการมีโค้ชที่ดี การมีทักษะพรสวรรค์ที่ดีกว่า หรือแม้กระทั่งการมีโชคทางด้านพันธุกรรม สรีระร่างกายที่เหนือกว่าก็มีส่วน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ทำให้นักกีฬาคนหนึ่งสามารถ “โดดเด่นขึ้นมาได้แม้จะมีหลายๆ อย่างด้อยกว่า” ก็คือ “ทัศนคติ” ที่มีต่อการไปให้ถึงแชมป์นั่นเอง ซึ่ง 3 ทัศนคติต่อจากนี้ไป ถือเป็นทัศนคติที่สำคัญ ที่คนอยากเป็นแชมป์ควรพัฒนาให้มีฝังลึกติดใจเอาไว้ ให้ได้มากที่สุด
1. ไม่มีข้อแก้ตัว และต้องรู้ตัวว่าต้องแก้ไขอะไร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทักษะ การฝึกซ้อม การควบคุมพฤติกรรม การใช้ชีวิต รับประทานอาหาร ฯลฯ ทุกอย่างก้าวของนักกีฬาที่จะเป็นแชมป์ได้ ล้วนมี “รูปแบบ” ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อย่างมีวินัย ซึ่งใครก็ตามที่ปฏิบัติได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ก็จะมีโอกาสไปถึงเป้าหมายของการเป็นแชมป์ได้มากที่สุด ดังนั้น นักกีฬาที่จะเป็นแชมป์ได้ จึงไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อต้องพบกับความพ่ายแพ้ ที่สำคัญเลยคือ ไม่โทษใครทั้งนั้น รวมถึงไม่โทษตัวเองด้วย แต่จะรู้ตัวว่า ต้องหาข้อผิดพลาดให้เจอ หาปัญหาให้เจอ และย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาดไป เพื่อทำให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ “ทำผลงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม” เพราะเมื่อนักกีฬาสามารถก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของตัวเองไปได้เรื่อยๆ มากเท่าไร วันหนึ่งก็จะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของคู่แข่งจนกลายเป็นแชมป์ไปได้ในที่สุด ซึ่งนักกีฬาที่เอาแต่แก้ตัว และโทษคนอื่นนั้น คงไม่มีทางที่จะบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
2. ต้องมองเห็นภาพความสำเร็จชัดเจนเสมอ
แม้จะล้มเหลวกี่ครั้ง แม้จะพ่ายแพ้กี่หน คนที่ต้องการเป็นแชมป์ จะไม่มัวแต่หมกมุ่น ขังตัวเองอยู่กับภาพความพ่ายแพ้ของตัวเองซ้ำๆ เด็ดขาด กลับกันที่พวกเขาจะยังคงมองเห็นภาพความสำเร็จของตัวเองได้อย่างชัดเจน และพยายามที่จะทำให้มันชัดเจนมากขึ้นจนกลายเป็นความจริงให้ได้ เมื่อไรก็ตามที่เรามองไม่เห็นภาพที่ตัวเองเป็นแชมป์ หรือพอนึกถึงภาพนั้นแล้วเราไม่ได้รู้สึกอิ่มเอมใจกับมัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเป็นไปได้ ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นแรงใจ จุดพลังไฟให้เราก้าวต่อไปได้ล่ะก็ เมื่อนั้นก็เท่ากับว่า โอกาสในการเป็นแชมป์ของเราจะค่อยๆ ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะเรา “ถอดใจ” และคิดว่าตัวเองไม่อาจประสบความสำเร็จได้อย่างที่ฝันไว้แล้ว ซึ่งเมื่อตัวนักกีฬาไม่มั่นใจ ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาแล้ว แรงในการฝึกซ้อมก็จะหายไป และสุดท้ายเราก็ไม่มีทางไปถึงเส้นชัยได้ในที่สุด
3. ต้องรู้จักรอคอยเวลาที่เหมาะสม
ความใจร้อนเป็น “ตัวมาร” ที่พาให้นักกีฬาหลายๆ คนหลุดออกไปจากเส้นทางของการเป็นแชมป์ได้มากที่สุด เพราะนักกีฬาทุกต่างก็เชื่อว่าตัวเองทุ่มเทอย่างหนัก และควรที่จะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า ซึ่งเมื่อใจร้อนที่ไม่ได้มันมา ก็พาให้ถอดใจล้มเหลวไปอย่างรวดเร็ว ลองคิดดูนะครับว่า กว่ากล้ามแขนเราจะได้ที่ กว่ากล้ามท้องเราจะเห็นชัด กว่าเราจะเดาะบอลได้สิบครั้ง กว่าเราจะวิ่งเร็วได้อย่างที่โค้ชต้องการ ฯลฯ ทุกอย่างล้วนต้องการเวลา และเงื่อนไขในการฝึกซ้อมทั้งสิ้น และกับการไปให้ถึงตำแหน่งแชมป์นั้น ก็ย่อมต้องการเงื่อนไขและเวลาเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นเงื่อนไขที่ยากกว่า และใช้เวลามากกว่า ดังนั้น อย่ารีบร้อน แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่างมีเป้าหมาย สั่งสมประสบการณ์ และบ่มเพาะตัวเองให้คู่ควรกับตำแหน่งแชมป์ให้ได้มากที่สุด และเมื่อถึงเวลาที่ใช่ ถึงจังหวะที่เป็นของเรา ความสำเร็จที่ฝันก็จะเป็นของเราเอง เหมือนกับที่สมจิตร จงจอหอ แชมป์เหรียญทองโอลิมปิก ที่กว่าจะประสบความสำเร็จได้นั้น ก็พ่ายแพ้มาหลายครั้ง เจ็บมาเยอะ แต่สุดท้ายก็ทำได้ในที่สุด และทำให้เขากลายเป็นนักมวยที่แก่ที่สุดที่ได้แชมป์ คือ 33 ปี 7 เดือน
“ทัศนคติ” หรือ “ความคิด” เป็นสิ่งที่สามารถทำให้ “ร่างกาย” ของเราเปลี่ยนแปลงได้ เพราะถ้าเราคิดว่าเราอยากผอม อยากมีรูปร่างที่ดี เราก็จะทำทุกวิธีเพื่อให้เกิดผลลัพธ์นั้นที่เราอยากได้ ในทางการกีฬาก็เช่นกัน สำหรับคนที่ต้องการประสบความสำเร็จ ต้องการก้าวไปให้ถึงตำแหน่งแชมป์ แม้สภาพร่างกาย ทักษะ จะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้นักกีฬาแต่ละคนมีโอกาสไม่เท่ากัน แต่ “ทัศนคติ” จะเป็นตัวช่วยทำให้ความบกพร่องเหล่านั้น ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นจุดเด่นที่ทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากขึ้น ดังนั้น ตราบเท่าที่ใจยังอยากเป็นแชมป์มากพอ ก็ขอให้อย่าพัฒนาแต่เพียงสมรรถภาพร่างกายเท่านั้น แต่จำเป็นต้องพัฒนาทัศนคติและจิตใจ ให้เหมาะสมคู่ควรมากพอต่อการเป็นแชมป์ให้ได้ด้วย
